นางสาวดวงใจ แก้วบุตตา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 1979 จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD เปิดเผยว่า บริษัทฯเป็นผู้ให้บริการสินเชื่อแบบมีหลักประกัน โดยใช้ทะเบียนรถ ทุกประเภท บ้านและโฉนดที่ดินเป็นหลักประกัน ภายใต้เครื่องหมายการค้า “มีบ้าน มีรถ เงินสดทันใจ” โดยในปี 2556 ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ อยู่ในระดับที่ดี สามารถขยายธุรกิจ ได้อย่างต่อเนื่องมีสาขา เพิ่มเป็น 602 สาขา ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศ จาก 348 สาขาในปี 2555 ทำให้ความสามารถ ในการขยายสินเชื่อในปี 2556 เท่ากับ 5,722 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นถึง 44% จาก 3,981 ล้านบาท ในปี 2555 ในด้านผลประกอบการก็มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้รวม เท่ากับ 1,937 ล้านบาท ในปี 2556 เติบโตเพิ่มขึ้น 48% จาก 1,306 ล้านบาท ในปี 2555 เนื่องจากรายได้หลักที่ปรับเพิ่มขึ้น ทุกประเภททั้งรายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้กู้ยืม รายได้ดอกเบี้ยจากสัญญาเช่าซื้อ และรายได้อื่นๆ และมีกำไรสุทธิ 603 ล้านบาท ในปี 2556 เพิ่มขึ้น 85% จาก 326 ล้านบาท ในปี 2555 คิดเป็น อัตรากำไรสุทธิต่อรายได้รวม (Net Profit Margin) เติบโตขึ้นเป็น 31% จาก 25% ในปี 2555 ด้านฐานะการเงิน ณ สิ้นปี 2556 บริษัทฯ มีสินทรัพย์ รวมเท่ากับ 5,994 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 4,426 ล้านบาท ในปี 2555 อัตราผลตอบแทน ต่อสินทรัพย์เฉลี่ย (ROA) อยู่ที่ 12% อัตราผลตอบแทน ต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเฉลี่ย (ROE) อยู่ที่ 75% เป็นผลมาจากการขยายสาขา และการขยายสินเชื่อ อย่างมีคุณภาพ ประกอบกับความสามารถในการบริหารหนี้ ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อยู่ในระดับ ร้อยละ 3.7 ในขณะที่มีการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัย จะสูญคิดเป็น ร้อยละ 4.1
“สำหรับแนวทางการขยายธุรกิจยังคงเน้นในเรื่องการเพิ่มฐานลูกค้ารายย่อยที่มีศักยภาพโดยใช้ หลักทรัพย์ที่ใกล้ตัวเป็นหลักประกันในการเข้าถึงบริการทางการเงินเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นผ่านบริการทางการเงินที่หลากหลายสะดวกรวดเร็วทั้งบริการสินเชื่อแบบมีหลักประกันครอบคลุมรถทุกประเภท บ้านและ ที่ดิน และคาดว่าภายในปีนี้จะสามารถทยอย เปิดสาขาเพิ่มอีกประมาณ 100 แห่ง ส่งผลให้มีสาขารวม ทั้งหมดประมาณ 700 แห่ง รวมทั้งเพื่อจะรักษาความเป็นผู้นำด้านบริการทางการเงินที่ใกล้ชิดชุมชนมา กว่า 30 ปี” นางสาวดวงใจ กล่าว
ทั้งนี้ บมจ. ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 1979 กำลังอยู่ในช่วงระหว่างการดำเนินการเพื่อเสนอขายหุ้น สามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) โดยมี บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด เป็นที่ปรึกษา ทางการเงิน โดยจะเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 250 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท คิดเป็นร้อยละ 25 ของจำนวนหุ้นสามัญ เรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังจากการเสนอขายครั้งนี้ ส่งผลให้บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียนและชำระแล้วเพิ่มขึ้นเป็น1,000 ล้านบาท จาก 750 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายตัวในการ ปล่อยสินเชื่อ และเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน ตลอดจนชำระคืนหนี้เงินกู้บางส่วน ซึ่งจะส่งผล ให้โครงสร้างทางการเงินของบริษัทฯ มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น และเพิ่มโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจ ภายใต้ระบบการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ