นายพยัต ภูวิชัย ประธานผู้อำนวยการสโมศิลป์ กล่าวว่า จากประสบการณ์การทำงานเพลงที่สะสมมากว่า 25 ปี ผลงานที่สร้างสรรค์ขึ้นมานั้นล้วนมุ่งเน้นในเรื่องของคุณภาพตามจินตนาการ และแรงบันดานใจที่ได้จากการผสมรวมงานที่แตกต่างจากหลากหลายสาขา และหลายหลายแขนงเข้าด้วยกันไม่ว่าจะเป็นแรงบันดาลใจในวรรณกรรมที่ได้รับซีไรต์หลายเล่ม แรงบันดาลใจจากภาพวาด ภาพเขียน หรืองานศิลปะหลายๆ อย่างที่ได้ทำงานและรู้จักกับศิลปินในแต่ละสาขาดังกล่าว เมื่อให้เปรียบเป็นคำก็เป็นเหมือนคำที่ว่า "ศิลป์ทั้งผองพี่น้องกัน" ซึ่งนับได้ว่าปัจจุบันนี้มีผลงานที่เป็นที่รู้จักแล้วมากมาย อาทิ เพลง “ยังยิ้มได้”, เพลง "กอดหน่อยได้ไหม" ของพลพล พลกองเส็ง, เพลง “ความคิดถึงกำลังเดินทาง” ของโกไข่กับนายสน, เพลง “มีคนเหงาอยู่เบอร์นี้”, เพลง "อยากเป็นคนรักไม่อยากเป็นชู้ ของตั๊กแตน ชลดา, เพลง "กรุณาฟังให้จบ" ของแช่ม แช่ม รัมย์, เพลง "เป็นเพื่อนไม่ได้หัวใจอยากเป็นแฟน", เพลง "โยนใจถามทาง", เพลง "คนแรกที่ทำให้รัก" ของไผ่ พงศธร, เพลง "อยู่ก็เจ็บ จบก็เหงา" ของ เอิร์น เดอะสตาร์ ฯลฯ เมื่อเขียนเพลงเป็นที่รู้จักมาก็มากแล้วคราวนี้เพื่อเป็นการแทนคุณให้กับสังคมและปลุกแรงบันดาลใจให้คนที่รักในการเขียนเพลงและชื่นชอบในผลงานที่ผ่านมาที่ตนได้สร้างสรรค์ผลงานเพลงออกมาให้เป็นที่นิยมหรือโดนใจตลาดเพลงตนจึงได้ตัดสินใจเปิดหลักสูตรอบรมการเขียนเพลงขึ้นซึ่งเป็นอีกหนึ่งโครงการที่สโมศิลป์วางแผนจะทำตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง ด้วยแนวคิดที่ต้องการจะถ่ายทอดความรู้และแนวความคิดตามแบบฉบับของตนให้กับผู้ที่สนใจ ด้วยการเขียนเพลงแบบพยัต
“เนื่องจากการเขียนเพลงและการทำงานในแบบของตนเองนั้น มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอยู่หลายอย่าง เช่น มุมมองที่รับมาจากสิ่งรอบข้างแนวความคิดเรื่องการหาข้อมูลในการเขียนเพลง จากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย เช่นจากการอ่านหนังสือ อ่านวรรณกรรม จากการฟังเพลงหรือเล่นดนตรี จากการดูหนัง จากการวาดภาพ หรือจากการถ่ายภาพ เพื่อสร้างมุมมองที่โดนใจ สู่การถ่ายทอดสารลงไปในงานเขียนเพลง ในมุมที่แตกต่างออกไป ดังนั้นการเปิดหลักสูตรอบรมการเขียนเพลงในครั้งนี้จึงเน้น 3 หลักสูตร ด้วยกันคือ เขียนได้-เขียนเป็น-เขียนคม โดยหลักสูตร เขียนได้ - เขียนใจให้เป็นเพลง เป็นหลักสูตรเริ่มต้น แน่นพื้นฐานของการเขียน การถ่ายทอดออกมาเป็นการแต่งเพลง หลักสูตรละ 10,000 บาท, หลักสูตรเขียนเป็น - เขียนเพลงให้เป็นเพลง เป็นหลักสูตรที่ผู้เรียนมีประสบการณ์จากงานเขียนมาบ้างแล้ว ต้องการเพิ่มเติมความรู้ขึ้น หลักสูตรละ 20,000 บาท, หลักสูตรเขียนคม - เขียนเพลงให้เป็นกระบี่ เป็นหลักสูตที่เจาะลึกในแนวคิดในงานเขียนเพลงแบบพยัต เน้นการสังเคราะห์ ตีความงานเพลงอย่างจริงจัง หลักสูตรละ 30,000 บาท เฉพาะหลักสูตรนี้จะมีการขอดูผลงานก่อนสมัคร เมื่อจบหลักสูตรจะนำผลงานไปผลิตงานจริง โดยในการเรียนการสอนนั้นในแต่ละหลักสูตรนั้นจะใช้เวลาเรียนหลักสูตรละ $12 สัปดาห์ 36 ชั่วโมง เรียนเสาร์หรืออาทิตย์ ครั้งละ 3 ชั่วโมง ที่สโมศิลป์ หมู่บ้านตะวันรุ่ง 7 ใน ซอยลาดพร้าว 62 แขวงวังทองหลาง เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ ซึ่งพิเศษรับช่วงเปิดหลักสูตรแรก ลดทุกหลักสูตร 20-25-30 % ตามลำดับหลักสูตร สำหรับหลักสูตรเขียนเป็นและเขียนคม หลังจบหลักสูตรมีการผลิตผลงานเพลงเป็นซีดี ทุกหลักสูตรรับเสื้อยืด 'คนเขียนเพลง' และหนังสือ 'เพลงใบไม้' ของพยัต และอุปกรณ์การลับปากกา ฟรี!! ด้วย” นายพยัต ภูวิชัย กล่าว
สำหรับเรื่องการวางหลักสูตรนั้น นายพยัต ภูวิชัย กล่าวต่อว่า การวางหลักสูตรการเขียนเพลงแบบพยัต ได้ใช้แนวคิดพื้นฐานดังกล่าวมาเป็นแนวทาง และเพื่อให้มีความหลากหลายมากขึ้น ในแต่ละหลักสูตรจะมีวิทยากรจากหลากหลายอาชีพ มาถ่ายทอดความรู้ที่มีจากประสบการณ์ของวิทยากรแต่ละท่านเองให้ผู้เรียนนำไปปรับใช้กับงานของตนต่อไป เช่น 1.การบรรยายในหัวข้อ การเขียนเรื่องสั้น เขียนบทกวี จากกวีซีไรต์หลายท่าน 2.การบรรยายในหัวข้อ มุมมองของช่างภาพมืออาชีพที่มีต่อการตีความจากการเขียน เป็นภาพถ่าย 3.การบรรยายในหัวข้อ แนวคิดของจิตรกร กับการสื่อสารเป็นภาพเขียน 4.การบรรยาย จากนักแต่งเพลงท่านอื่นที่มีชื่อเสียง เพื่อเรียนรู้มุมมองที่หลากหลาย 5.การบรรยาย จากบรรณาธิการนิตรสารทางดนตรี และเจ้าของรางวัล สีรรร อวอร์ด เกี่ยวกับการแต่งเพลง 6.การบรรยาย จากผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง เกี่ยวกับการถ่ายทอดและการสื่อสารผลงาน เป็นต้น ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถลงชื่อจองเก้าอี้เรียนได้แล้วตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 10 เมษายน 2557 ที่กล่องข้อความของสโมศิลป์ (Error! Hyperlink reference not valid.พิมพ์คำว่า สโมศิลป์ กดถูกใจและเขียนสมัครทางข้อความได้เลย) หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 082-941-1915 ทั้งนี้จะเริ่มเปิดเทอมวันแรก คือ เสาร์ ที่ 26 เมษายน 2557 ผู้ใดสนใจรีบตัดสินใจเพราะในแต่ละรับคลาสรับเพียง 10 คนเท่านั้น