การประชุมของผู้นำเรื่อง แนวทางการจัดการเกี่ยวกับการระบาดของโรคเบาหวาน และ ผลกระทบที่มีต่อประเทศไทย

จันทร์ ๓๑ มีนาคม ๒๐๑๔ ๑๑:๒๖
การประชุม “Thailand Diabetes Leadership Forum” ได้รับความร่วมมือจากสถานเอกอัครราชทูตเดนมาร์ก มูลนิธิเบาหวานโลก และบริษัทโนโว นอร์ดิสค์ ในการประชุมระดับผู้นำเพื่อหาแนวทางในการจัดการโรคเบาหวานที่เป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพและเศรษฐกิจของประเทศ

สถานเอกอัครราชทูตเดนมาร์ก มูลนิธิเบาหวานโลก และบริษัทโนโว นอร์ดิสค์จัดประชุมความร่วมมือ “Diabetes Leadership Forum” จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก พบว่า ปัจจุบันมีประชากรทั่วโลก 382 ล้านคนเป็นโรคเบาหวาน ในจำนวนนี้มี 3.2 ล้านคนของประชากรไทยที่เป็นโรคเบาหวาน จากอุบัติการณ์ของโรคเบาหวานที่เป็นภัยเงียบมีจำนวนเพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีหน่วยงานหลายภาคส่วนเพิ่มความตื่นตัวในการป้องกันและควบคุมเบาหวานมากขึ้น กระทรวงสาธารณสุขไทยได้ประเมินค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคเบาหวานที่จะเพิ่มขึ้นสูงถึง 50,000 ล้านบาทต่อปี

ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิงวรรณี นิธิยานันท์ นายกสมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทยในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ร่วมกับ ฯพณฯ มิเคล เหมนิธิ วินเธอร์ เอกอัครราชทูตเดนมาร์กประจำประเทศไทย ดร. อาเนอร์ส ไดกอร์ด ประธานมูลนิธิเบาหวานโลก และ ศาสตราจารย์ นายแพทย์ชัยชาญ ดีโรจนวงศ์ หน่วยต่อมไร้ท่อและ เมตาบอลิสม ภาควิชาอายุรศาสตร์ โรงพยาบาลราชวิถี แถลงเปิดการประชุมความร่วมมือ “Diabetes Leadership Forum” เพื่อสร้างความตระหนักต่อสถานการณ์ของโรคเบาหวานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนับเป็นโรคเรื้อรังที่มีความร้ายแรงติดอันดับ 1 ใน 5 ของประเทศไทย ซึ่งรวมถึงโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคมะเร็ง

โรคเบาหวานส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยโดยตรง ผู้ป่วยต้องการการรักษาที่ต่อเนื่องเพื่อจะมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้น โดยปกติผู้ป่วยเบาหวานจะมีอายุสั้นลง 6-8 ปี ผู้ป่วยจึงต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวันของตนเองเพื่อควบคุมน้ำตาลให้ดีขึ้น ผู้ป่วยจำนวน 6 รายใน 10 รายที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวานก่อนอายุ 60 ปี ซึ่งอยู่ในวัยทำงาน ดังนั้นการวินิจฉัยเบาหวานอาจมีผลต่อเนื่องกับการจ้างงานและรายได้ของครอบครัว ค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคเบาหวานไม่ใช่ค่าใช้จ่ายของแต่ละครอบครัวเท่านั้นแต่ยังส่งผลต่อภาระค่าใช้จ่ายของทั้งประเทศ ค่าใช้จ่ายของโรคเบาหวานคิดเป็นร้อยละ 12 ของค่าใช้จ่ายรวมด้านสุขภาพของทั่วโลก ในประเทศไทยโรคเบาหวานสร้างภาระค่าใช้จ่ายทางการแพทย์มากถึง 50,000 ล้านบาทต่อปี

ปัจจุบัน ประชากรไทยมากกว่า 1 ล้านคนไม่รู้ว่าตนเองเป็นเบาหวาน มีประชากรมากถึง 4 ล้านอยู่ในระยะก่อนเป็นโรคเบาหวาน คือ มีระดับน้ำตาลสูงกว่าคนปกติ แต่ไม่สูงพอที่จะเข้าเกณฑ์วินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวาน คนกลุ่มนี้มีโอกาสเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคเบาหวานในอนาคต สมาพันธ์เบาหวานโลก ให้ข้อมูลว่า ในปี พ.ศ. 2578 จะมีประชากรไทยมากถึง 1.1 ล้านคนเป็นเบาหวานเพิ่มขึ้น

ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันจัดการกับการระบาดของโรคเบาหวานและผลกระทบที่มีต่อประเทศไทย โดยการป้องกันการเพิ่มจำนวนผู้ป่วย สำหรับผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานแล้วจะต้องสามารถเข้าถึงการรักษาและได้รับการรักษาที่มีประสิทธิภาพ โดยจะต้องได้รับการวินิจฉัยตั้งแต่แรกและได้รับการรักษาเพื่อป้องกันหรือชะลอโรคแทรกซ้อนรุนแรงที่อาจเกิดขึ้น

ดร. อาเนอร์ส ไดกอร์ด ประธานมูลนิธิเบาหวานโลก กล่าวถึงสถานการณ์ของโรคนี้ว่า ปัจจุบันมีจำนวนประชากรที่เป็นโรคเบาหวานทั่วโลกราว 382 ล้านคน และมีแนวโน้มเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ

ในทุกประเทศ รวมทั้งเป็นโรคที่มีความร้ายแรงในการเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคแทรกซ้อนซึ่งมีอันตรายและมีค่าใช้จ่ายสูงอื่นๆ ตามมา เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง ไตวาย ตาบอด และการถูกตัดเท้าหรือขาหรืออาจรุนแรงจนนำไปสู่การเสียชีวิตได้

สมาพันธ์เบาหวานโลกให้ข้อมูลว่า ครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยโรคเบาหวานทั่วโลก ไม่ทราบว่าตัวเองเป็นโรคเบาหวาน ทำให้มีจำนวนผู้ป่วยเพียงครึ่งเดียวที่ได้รับการวินิจฉัย และในจำนวนนี้ มีเพียง 1 ใน 3 ที่สามารถควบคุมระดับนํ้าตาลในเลือดได้ นอกจากนี้ข้อมูลของสมาพันธ์เบาหวานโลก ระบุว่าในแต่ละวันจะมีประชากรไทยจำนวน 180 รายเสียชีวิตจากโรคเบาหวาน หรือเกือบ 8 รายต่อชั่วโมง

โดยก่อนหน้านี้ นางมาร์การเร็ต ชาน ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก เคยระบุถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการจัดการปัญหาการแพร่กระจายของโรคเบาหวานว่า “ถ้าเราไม่จัดการกับปัญหาเหล่านี้อย่างเร่งด่วน ค่าใช้จ่ายอันเกิดจากโรคเหล่านี้ จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดที่แม้แต่ประเทศที่รํ่ารวยที่สุดก็ไม่สามารถแบกรับได้”

ร้อยละ 80 ของผู้ป่วยเบาหวานอยู่ในประเทศกำลังพัฒนา ดังนั้นมูลนิธิเบาหวานโลกจึงให้ความสำคัญเรื่องการป้องกันและการรักษาโรคเบาหวาน โดยสนับสนุนโครงการเพื่อควบคุมโรคเบาหวานให้ดีขึ้น โดยประเทศไทยมีหลายโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิเบาหวานโลก

ด้านศาตราจารย์เกียรติคุณแพทย์หญิงวรรณี กล่าวว่า “ความท้าทายของสถานการณ์โรคเบาหวานในประเทศไทยคือมีผู้ป่วยจำนวนมากไม่รู้ตัวว่าเป็นเบาหวาน ผู้ป่วยเบาหวานจำนวนมากยังควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ได้ตามเป้าหมาย ผู้ป่วยส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับการควบคุมปัจจัยเสี่ยงอย่างเพียงพอ และผู้ป่วยจำนวนมากร่วมมือในการรักษาไม่ดีพอ”

ปัจจุบันพบว่า ร้อยละ 6.4 ของประชากรไทยวัยผู้ใหญ่เป็นโรคเบาหวาน หรือประมาณ 3.2 ล้านคน และจำนวนจะเพิ่มขึ้นอีกไม่ต่ำกว่า 1.1 ล้านคนในปี 2578 หรือคิดเป็นสัดส่วนประชากรไทยวัยผู้ใหญ่ 1 ใน 12 รายจะเป็นโรคเบาหวาน

ขณะที่ ศาสตราจารย์ นายแพทย์ชัยชาญ ดีโรจนวงศ์ หน่วยต่อมไร้ท่อและเมตาบอลิสม ภาควิชาอายุรศาสตร์ โรงพยาบาลราชวิถี ได้เสนอแนะการพัฒนาแนวทางป้องกันปัญหาการแพร่กระจายโรคเบาหวานไว้ 5 แนวทาง ได้แก่

1. เรื่องการคัดกรองโรคเบาหวานในประชากรกลุ่มเสี่ยง และมีการคัดกรองประจำปีเพื่อค้นหาโรคแทรกซ้อนในประชากรที่เป็นโรคแล้ว ซึ่งปัจจุบันได้มีการดำเนินการแล้ว

2. ควรค้นหาและแก้ไขปัจจัยที่มีผลทำให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานส่วนใหญ่ควบคุมโรคได้ไม่ดี ควรให้ ความสำคัญกับการวินิจฉัยโรคตั้งแต่ระยะแรกๆ และหาทางป้องกันเพื่อชะลอหรือลดการเกิดโรคแทรกซ้อน

3. นโยบายควรมีการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน

4. ควรมีระบบการเฝ้าติดตาม และปรับปรุงข้อมูลให้ทันสมัยอยู่ตลอดเวลาทั้งในระดับพื้นที่ และระดับประเทศ

5. การรณรงค์เพื่อสุขภาวะที่ดีเพื่อป้องกันโรคเบาหวานควรผ่านทางการให้ความรู้เป็นขั้นตอนและการให้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องแก่สาธารณะครอบคลุมทั่วประเทศ ผ่านความร่วมมือทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน

สำหรับแนวทางการรักษาที่มีประสิทธิภาพนั้น ควรเน้นการรักษาแบบองค์รวมโดยมีผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง เนื่องจากจะทราบความต้องการของผู้ป่วยและให้ผลการรักษาที่ดีกว่า โดยมีงานวิจัยในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 พบว่า การควบคุมปัจจัยเสี่ยงแบบเข้มงวดในผู้ป่วยโรคเบาหวาน โดยการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ความดันโลหิต และระดับไขมันในเลือด สามารถลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือด และลดอัตราการเกิดไตวายได้อย่างมีนัยสำคัญ

กรณีศึกษา : การคัดกรองและรักษาภาวะโรคแทรกซ้อนทางตาของผู้ป่วยเบาหวานในชนบทของประเทศไทย

โรคแทรกซ้อนทางตาเป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อย และการรักษาตั้งแต่ในระยะแรกจะช่วยชะลอการดำเนินโรคและป้องกันตาบอด แต่การคัดกรองและรักษาโรคแทรกซ้อนทางตาของผู้ป่วยเบาหวานในชนบทยังมีข้อจำกัด ประเทศไทยได้จัดทำโครงการคัดกรองและรักษาโรคแทรกซ้อนทางตา โดยจัดให้มีรถตรวจตาเคลื่อนที่ ซึ่งสามารถตรวจตาโดยใช้กล้องดิจิตอลและให้การรักษาโดยใช้แสงเลเซอร์ โครงการนี้เริ่มตั้งแต่ปี 2552 ได้รับการสนับสนุนเงินบริจาคจากมูลนิธิเบาหวานโลก (World Diabetes Foundation) และสถานเอกอัครราชทูตประเทศเดนมาร์ก สนับสนุนการทำงานโดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข และความร่วมมือจากราชวิทยาลัยจักษุแพทย์ และสมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทยในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับสื่อมวลชน กรุณาติดต่อ

เมธาวี เฉลิมธนศักดิ์ / นภา สุทธิญาณโสภณ

บริษัท พีซี แอนด์ แอสโซซิเอทส์ คอนซัลติ้ง จำกัด

โทรศัพท์: 02 971 3711 Ext. 119 / 120

อีเมล: [email protected] / [email protected]

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version