นายปัญชฤทธิ์ มนต์เสรีนุสรณ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท สุธากัญจน์ จำกัด (มหาชน) หรือ SUTHA ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้า ปูนขาวร้อน (Quicklime) รายใหญ่ของประเทศและมีประสบการณ์มากว่า 10 ปี รวมทั้งแคลเซียมคาร์บอเนต ที่มีการใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรม อาทิ อุตสาหกรรมเหล็ก กระดาษ น้ำตาล เป็นต้น เปิดเผยว่า การเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปได้รับการตอบรับที่ดีมากจากนักลงทุนในการจำหน่ายวันแรก โดยบริษัทฯ ได้เปิดจำหน่ายหลักทรัพย์ระหว่างวันที่ 26-28 มีนาคม 2557 ที่ราคา 3.70 บาทต่อหุ้นตามแผน การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในหมวดปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ ในวันที่ 3 เมษายน 2557 โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปจำนวน 75 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 1 บาท นั้น ตลอดการจองซื้อ 3 วันได้รับความสนใจอย่างสูงจากนักลงทุนทั้งนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบันอย่างสูง โดยเฉพาะนักลงทุนรายย่อยสันใจจองซื้อเข้ามาจำนวนมาก ผ่านการจัดจำหน่ายของบริษัทหลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้ จำกัด ซึ่งเป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย (Lead Underwriter) พร้อมกับบริษัทหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย(Co Underwriter)
“หุ้นเราเสนอขายเพียง 75 ล้านหุ้นเท่านั้น ถือว่าจำนวนไม่มากเมื่อเปรียบเทียบกับการเข้าจดทะเบียนใน SET แต่จากการที่บริษัทฯ มีความแข็งแกร่งทางการเงิน และความพร้อมทำให้เรามีทุนจดทะเบียนเพียงพอสำหรับการเข้าจดทะเบียนใน SET ตามกฎเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ถือว่าเป็นผู้ผลิตปูนขาวร้อนรายใหญ่ลำดับต้นๆของภูมิภาครายแรกที่เข้าจดทะเบียนใน SET และแค่วันแรกของการเปิดการซื้อขายเราก็ได้รับความสนใจจากนักลงทุนสูงมาก ทั้งสถาบันและรายย่อย เราเชื่อมั่นว่าจากทิศทางธุรกิจ 3-5 ปีข้างหน้าแล้ว เราจะเป็นทั้งหุ้น Growth Stock และ Dividend Stock หวังว่าจะสร้างผลตอบแทนให้นักลงทุนได้ เพราะเงินที่ได้จากการระดมทุนกว่า 270
ล้านบาท เราจะนำไปขยายธุรกิจ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ มั่นใจว่าธุรกิจเติบโตได้ในระดับที่ดีต่อเนื่อง แล้ว
โดยส่วนตัวของผมและกลุ่มตระกูล “มนต์เสรีนุสรณ์” ขอยืนยันว่าจะบริหารงานเต็มที่ เต็มความสามารถ และยืนยันว่าจะถือหุ้นในระยะยาวเพราะเป็นธุรกิจที่ครอบครัวสร้างมาแม้พ้นไซเรนพีเรียดก็ยังถือหุ้นไม่ปล่อยออกไปแน่นอน” นายปัญชฤทธิ์กล่าว
ด้านนายชัยภัทร ศรีวิสารวาจา ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท หลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินในการนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท สุธากัญจน์ จำกัด (มหาชน) หรือ SUTHA เปิดเผยว่า การกำหนดราคาหุ้นที่ 3.70 บาทต่อหุ้น โดยการกำหนดราคาดังกล่าวให้ส่วนลดมากกว่าร้อยละ 20 จากราคาเหมาะสมที่นักวิเคราะห์ให้ ซึ่งเม็ดเงินที่ได้จากการระดมทุนรวม 277.5 ล้านบาท จากการที่พื้นฐานบริษัทฯแข็งแกร่งของบริษัท การเติบโตที่มั่นคงในอนาคต รวมถึงราคา IPO ที่กำหนดอย่างเหมาะสม จะสามารถดึงดูดความสนใจของนักลงทุนได้ ทำให้ยอดจองซื้อเกินจำนวนที่ดเสนอขาย 75 ล้านหุ้นจำนวนมาก เชื่อว่าเป็นเพราะปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯและความเชี่ยวชาญในการบริหารงานของกลุ่มตระกูล “มนต์เสรีนุสรณ์” ที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจกว่า 30 ปี
“มั่นใจว่าหุ้น IPO ของ SUTHA จะไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวัง เนื่องด้วยเป็นหุ้นปูนขาวบริษัทแรก และมีโอกาสการเติบโตในไทยและภูมิภาคอาเซียน รวมถึงผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง ในขณะที่มีการกำหนดราคาที่เหมาะสม และเม็ดเงินระดมทุนที่ได้จำนวน 277.5 ล้านบาทใช้ในการลงทุนขยายธุรกิจ ซึ่งสร้างการเติบโตของรายได้ กำไรในอนาคต ของบริษัทในระยะ 3-5 ปีข้างหน้า ทั้งผู้บริหารมีประสบการณ์ในธุรกิจมากว่า 30 ปี เป็นธุรกิจที่ครอบครัวยิ่งทำให้ดำเนินการบริหารงานอย่างเต็มที่และไม่มีแนวคิดที่จะขายหุ้นออกไป แม้จะมีทั้งในส่วนที่ติดไซเรนพีเรียดหรือไม่ติดไซเรนพีเรียดก็ตามภายหลังการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ” นายชัยภัทรกล่าว
สำหรับในปี 2556 บริษัทฯ มีรายได้รวม 857.14 ล้านบาท มีกำไรสุทธิที่ 100.88 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 11.77% โดยตั้งเป้ารายได้ปี 2557 เติบโตร้อยละ12-15 ขณะเดียวกันกำไรสุทธิจะเติบโตจากปีก่อนด้วย ซึ่งสาเหตุหลักการเติบโตของรายได้ กำไร มาจากการขยายฐานลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ปัจจุบัน บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 300 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยเรียกชำระแล้ว 225 ล้านบาท และหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก 75 ล้านหุ้น จะมีทุนเรียกชำระแล้ว 300 ล้านบาท ขณะที่โครงสร้างการถือหุ้นภายหลังการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯครอบครัวนายเกียรติกุล มนต์เสรีนุสรณ์ ยังคงสัดส่วนการเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ร้อยละ 67.41 ประชาชนทั่วไปร้อยละ 25 ซึ่งเงินที่ได้จากการระดมทุนนำไปลงทุนขยายกิจการ ประกอบด้วย ขยายการผลิตแคลเซียมไฮดรอกไซด์, ลงทุนระบบและเครื่องบดถ่านหินชนิดระเหยง่าย, ลงทุนในกิจการที่เกี่ยวกับปูนขาว และที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนรวมทั้งคืนเงินกู้จากสถาบันการเงิน นอกจากนี้บริษัทฯ กำหนดนโยบายการจ่ายปันผลในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิภายหลังการหักภาษีเงินได้นิติบุคคล