ดร.วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยถึงภาพการลงทุนในเดือนเมษายนนี้ ผ่านรายงาน "The Big Picture" ซึ่งเป็นการประเมิน วิเคราะห์ภาพรวมการลงทุน ครบทุกมุม มองรอบด้าน 360 องศา ของฝ่ายวิเคราะห์ของบล.ทรีนีตี้ ว่า ในเดือนเมษายน การซื้อขายของนักลงทุนที่เบาบาง ภายหลังจากปัจจัยการเมืองยังคงยืดยื้อ และไม่มีบทสรุปที่ชัดเจน ประกอบกับอยู่ในเดือนที่มีวันหยุดยาว โดยมองดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) น่าจะปรับตัวในกรอบแคบๆ ในกรอบการลงทุนที่ 1,350 – 1,400 จุด
สำหรับปัจจัยที่ยังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ได้แก่ ปัจจัยสนับสนุนจากส่วนชดเชยความเสี่ยง (Implied equity risk premium) ของดัชนีตลาดหุ้น อยู่ในระดับสูงกว่าค่าเฉลี่ย แสดงถึงราคาหุ้นมีการตอบรับ (Price in) ข่าวร้ายเข้าไปในราคามากในระดับหนึ่งแล้ว นอกจากนั้นคาดการณ์ว่า หากคณะกรรมการนโยบายการเงินมีมติปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันที่ 23 เมษายนนี้ ราคาหุ้นจะได้อานิสงส์จากอัตราส่วนราคาต่อกำไรที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น (PE Expansion)
ขณะที่ปัจจัยเสี่ยง คงเป็นปัจจัยการเมืองที่อาจมีความวุ่นวายมากขึ้น ทั้งกรณีการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญต่อสถานภาพความเป็นนายกรัฐมนตรีของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร การชี้มูลความผิดของคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในคดีทุจริตจำนำข้าว และการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มผู้ชุมนุมทั้ง 2 ฝั่งทางการเมือง รวมถึงกรณีปัญหาภัยแล้งที่เริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อรายได้เกษตรกรและการบริโภคในพื้นที่ภูมิภาคในช่วงถัดไป
สำหรับหุ้นที่แนะนำสำหรับเดือนเมษายน ได้แก่ หุ้นกลุ่มสื่อสาร ประกอบด้วย ADVANC ราคาเป้าหมาย 281 บาท, INTUCH ราคาเป้าหมาย 100 บาท, SIM ราคาเป้าหมาย 4.10 บาท, JAS ราคาเป้าหมาย 9.80 บาท, หุ้นกลุ่มที่อิงกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ได้แก่ IVL ราคาเป้าหมาย 25.80 บาท, SVI ราคาเป้าหมายทางเทคนิค 4.60 บาท, TUF ราคาเป้าหมาย 75 บาท, BANPU ราคาเป้าหมาย 29.20 บาท, หุ้นกลุ่มบันเทิงที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ได้แก่ RS ราคาเป้าหมาย 10 บาท และหุ้นกลุ่มพลังงานทางเลือกที่มีกำไรชัดเจน ได้แก่ EA ราคาเป้าหมาย 11.10 บาท
ดร.วิศิษฐ์ กล่าวว่า หุ้นที่ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์บล.ทรีนีตี้ แนะนำใน The Big Picture ประจำเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ให้ผลตอบแทน +4.0% ในขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทน +3.8% สำหรับผลตอบแทนทั้งหมดของ The Big picture ในระยะเวลา 45 เดือนของการจัดตั้งให้ผลตอบแทน +495% เทียบกับดัชนีตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนเพียง +73%