นักวิชาการศศินทร์เตือน องค์กรธุรกิจปรับระบบ HR สร้างมาตรฐานสากล พัฒนาคนรองรับเออีซี

อังคาร ๐๘ เมษายน ๒๐๑๔ ๑๖:๐๙
ศศินทร์ – เบอร์คเบ็ค วิจัยคุณภาพชีวิตคนทำงาน พบพฤติกรรมคุกคามอุปสรรคสำคัญในไทย พบในกลุ่มการศึกษา-โรงแรม แนะตั้ง คกก. รับเรื่องร้องเรียน พร้อมสร้างมาตรฐาน HR สากลรับการเปิดเออีซี เร่งองค์กรไทยดึงแรงงานคุณภาพอยู่ไทย หวั่นแรงงานขั้นสูง-กลาง ไหลออกนอกประเทศ ย้ำเงิน-งาน-สวัสดิการ-อบรม ต้องดี

รศ.ดร.ศิริยุพา รุ่งเริงสุข กรรมการบริหารและหัวหน้าหลักสูตรการบริหารงานบุคคล สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ศศินทร์) เปิดเผยว่า ศศินทร์ ได้ร่วมมือกับ วิทยาลัยเบอร์คเบ็ค แห่งมหาวิทยาลัยลอนดอน ประเทศอังกฤษ ทำการวิจัยเรื่องคุณภาพชีวิตในการทำงาน (Well-being in Organizations) โดยศึกษาเรื่องพฤติกรรมการคุกคาม (Bullying Behavior) ที่พนักงานได้รับจากเพื่อนร่วมงานหัวหน้า หรือลูกน้องในองค์กร 4 ประเทศ คือ ไทย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และกัมพูชา จาก 5,500 ตัวอย่าง พบว่าพนักงานถูกคุกคามโดยพฤติกรรมในรูปแบบต่างๆซึ่งมีผลกระทบต่อขวัญกำลังใจ คุณภาพชีวิต ตลอดจนผลิตภาพของพนักงาน ซึ่งผู้บริหารและฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR) ต้องให้ความสนใจเร่งแก้ปัญหา

สำหรับผลการศึกษาในประเทศไทยพบว่า ในกลุ่มสถาบันการศึกษาและการโรงแรม เป็นภาคธุรกิจที่พบว่ามีพฤติกรรมการคุกคามมากที่สุด ซึ่งมีทั้งในรูปแบบคุกคามทางจิตวิทยา รูปแบบการกดดัน เพิกเฉย ละเลยไม่สนใจ หรือขับออกจากกลุ่ม รวมถึงพบการคุกคามทางร่างกาย ซึ่งรูปแบบพฤติกรรมการคุกคามนั้น มีทั้งแบบคุกคามอย่างต่อเนื่องเป็นประจำด้วยวิธีการต่างๆมากกว่าหนึ่งวิธี ยกตัวอย่างเช่น วิจารณ์ผลงานในเชิงลบต่อหน้าธารกำนัล คุกคามทางเพศด้วยคำพูดและสายตา เป็นต้น และคุกคามแบบเป็นระยะๆด้วยวิธีคุกคามอย่างเดียวเมื่อมีโอกาส ยกตัวอย่างเช่น พูดจาดูถูกดูหมิ่นเมื่ออยู่ลับสายตาจากบุคคลที่สาม โดยจากที่พบการคุกคามในสถาบันการศึกษานั้นได้สะท้อนให้เห็นว่า ระบบการศึกษาไทยยังมีระบบอาวุโสและระบบอุปถัมภ์สูง ทำให้ผู้น้อยไม่กล้าร้องเรียน ขณะที่ภาคธุรกิจโรงแรม ร้านอาหารและท่องเที่ยวเป็นงานด้านบริการ ทำให้พนักงานพนักงานที่มีนิสัยเป็นมิตรอ่อนโยนมักเป็นเหยื่อถูกคุกคามได้ง่าย

ทั้งนี้ จากผลการศึกษาพบว่า ผู้ที่ถูกคุกคามมีแนวโน้มจัดการปัญหาโดยการอดทน หรือปล่อยวาง หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า เนื่องจากหากแสดงออกอาจมีผลลัพธ์ในด้านลบมากกว่า เช่น ไม่ได้รับการเลื่อนขั้น หรือกดดันให้ออกจากงาน ดังนั้นแนวทางแก้ไขในเรื่องนี้ ฝ่ายบริหารและ HR ต้องกำหนดนโยบายเรื่องการกำจัดพฤติกรรมคุกคามในองค์กรที่มีบทลงโทษชัดเจน ต้องฝึกอบรมให้ความรู้พนักงานว่าพฤติกรรมแบบใดถือเป็นพฤติกรรมคุกคาม และที่สำคัญที่สุดคือควรมีการจัดตั้งคณะกรรมการรับเรื่องร้องเรียนเรื่องพฤติกรรมการคุกคาม โดยต้องมีตัวแทนจากพนักงานทุกระดับร่วมเป็นกรรมการเพื่อสร้างความโปร่งใสยุติธรรมอย่างแท้จริง เนื่องจากต่อไปหากเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ เออีซี จะมีพนักงานจากหลากหลายประเทศเข้ามาทำงาน องค์กรต่างๆ ต้องมีการปรับระบบ HR ให้มีความเป็นสากล และได้รับการยอมรับมากขึ้น

“ระบบ HR ในไทยยังต้องพัฒนาอีกมาก และไทยควรดำเนินการเป็นแบบอย่าง เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีข้อตกลงในกลุ่มเออีซีเกี่ยวกับกฎหมายแรงงานที่จะใช้เป็นมาตรฐานร่วมกันภายในกลุ่ม ดังนั้นต้องเริ่มพัฒนาระบบ HR โดยดูมาตรฐานสากลที่ทั่วโลกยอมรับ” รศ.ดร.ศิริยุพา กล่าว

นอกจากนี้ องค์กรไทยต้องให้ความสำคัญกับการดูแลแรงงานฝีมือขั้นสูงให้มากขึ้น พร้อมกับพัฒนาแรงงานฝีมือขั้นกลาง และต่ำ เพื่อยกระดับฝีมือแรงงาน เนื่องจากต่อไปจะเห็นแรงงานฝีมือขั้นสูงโดนดึงตัวหรือซื้อตัวออกนอกประเทศมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะ สิงคโปร์และมาเลเซีย ที่ให้รายได้ดีกว่าไทย โดยจากการสำรวจตลาดแรงงานพบว่า ระดับการจ่ายเงินเดือน และตำแหน่งงานที่ดี เรียงตามลำดับ ได้แก่ สิงคโปร์, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์ และไทย จึงมีโอกาสมากที่ไทยจะสูญเสียแรงงานฝีมือขั้นสูงไป

สำหรับแนวทางการป้องกัน HR ในองค์กรต่างๆ ต้องมีการวางแผนเพื่อดึงตัวแรงงานฝีมือขั้นสูงไว้ ได้แก่ ต้องมีการปรับฐานรายได้ให้ดีขึ้นเหมาะสมกับงาน ให้ตำแหน่งงานและประสบการณ์ทำงานที่ดี จัดฝึกอบรมดูงานต่างประเทศเพื่อพัฒนาตามสายอาชีพ และต้องดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัวพนักงาน พัฒนาคุณภาพชีวิตของพนักงานให้ดีขึ้น ขณะที่แรงงานฝีมือขั้นกลางและขั้นต่ำ ก็ต้องเร่งพัฒนาความรู้และทักษะเพื่อยกระดับขึ้นสู่ขั้นที่สูงขึ้น เพราะนายจ้างมีแนวโน้มที่จะใช้เทคโนโลยีแทนการจ้างแรงงานไร้ฝีมือเพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านต้นทุนแรงงาน

จากผลการศึกษาวิจัย เห็นได้ชัดเจนว่า รูปแบบสังคมและเศรษฐกิจต่อไปจะแข่งกันที่ความสามารถเป็นหลัก ผู้บริหารต้องบริหารคนและบริหารงานให้มีประสิทธิภาพพร้อมๆกันไป เนื่องจากคนเก่ง เป็นทรัพยากรที่หายากและต้องแย่งชิง ปัจจุบันประเทศไทยขาดแคลนแรงงานฝีมือขั้นสูงและขั้นกลางแล้ว และยังมีแรงงานขั้นต่ำจำนวนไม่น้อยที่ไหลออกไปอยู่ต่างประเทศอีก ดังนั้นองค์กรและ HR ต้องใส่ใจดูแลแรงงานทุกระดับให้มากขึ้นเพื่อเก็บพนักงานคุณภาพไว้ พร้อมกับใช้เทคโนโลยีและโซเชียลเน็ตเวิร์กในการคัดกรองคนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อหาบุคลากรใหม่ๆ เข้ามาในองค์กร

“HR จะเป็นหน่วยงานสำคัญที่จะรักษาบุคลากรแรงงานที่มีคุณภาพ โดยต้องดูแลคุณภาพชีวิตของแรงงานทุกคน หรือเรียกว่ายกระดับคุณภาพชีวิตพนักงาน สร้างความผูกพันจนพนักงานที่ดีไม่ต้องการย้ายไปทำงานที่อื่น เพราะหากไม่ดูแลให้ดี คนมีความสามารถไม่อยู่ประเทศไทยแน่นอน ขณะเดียวกันก็ต้องคัดกรองพนักงานที่ไม่สร้างผลิตผลให้กับองค์กรออกไปด้วยเช่นกัน” รศ.ดร.ศิริยุพา กล่าว

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version