ฟิทช์ประกาศให้อันดับเครดิตแก่หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ของธนาคารไทยพาณิชย์ที่ ‘BBB+’

พฤหัส ๑๐ เมษายน ๒๐๑๔ ๑๑:๐๖
ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศให้อันดับเครดิตแก่หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน สกุลเงินเหรียญสหรัฐฯ ของธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด มหาชน หรือ SCB (‘BBB+’/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ) ที่ ‘BBB+’ หุ้นกู้ดังกล่าวมีมูลค่า 750 ล้านเหรียญสหรัฐฯ อายุ 5 ปี และมีวันครบกำหนดชำระในเดือนเมษายน 2562 โดยหุ้นกู้ดังกล่าวจะออกภายใต้โครงการหุ้นกู้ Medium-term note (MTN) ของธนาคาร ซึ่งมีมูลค่าโครงการรวม 3.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และจะออกโดย SCB สาขาหมู่เกาะเคย์แมน

การประกาศให้อันดับเครดิตครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากการที่ธนาคารได้ทำการออกหุ้นกู้และฟิทช์ได้รับเอกสารฉบับสมบูรณ์ซึ่งมีข้อมูลตรงตามที่ได้รับมาก่อนหน้า อันดับเครดิตที่ประกาศนี้เป็นอันดับเครดิตระดับเดียวกับที่ฟิทช์คาดว่าจะให้แก่หุ้นกู้ดังกล่าวตามที่ได้ประกาศไปเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2557

ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต

อันดับเครดิตของหุ้นกู้ดังกล่าวอยู่ในระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว (Long-term Issuer Default Rating) ของ SCB และอันดับเครดิตของโครงการหุ้นกู้ MTN ที่ ‘BBB+’ เนื่องจากหุ้นกู้ดังกล่าวเป็นภาระผูกพันที่ไม่ด้อยสิทธิและไม่มีหลักประกันของธนาคาร

อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของ SCB นั้นสะท้อนถึงความแข็งแกร่งทางการเงินของตัวธนาคารเอง SCB เป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีขนาดสินทรัพย์ใหญ่เป็นอันดับ 2 ในประเทศไทย ณ สิ้นปี 2556 และธนาคารมีความสามารถในการทำกำไรและฐานะเงินกองทุนในระดับดี

ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต

อันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน จะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางเดียวกันกับอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของ SCB

การปรับเพิ่มอันดับเครดิต อาจพิจารณาจากการปรับตัวดีขึ้นอย่างยั่งยืนของสภาวะแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจและการปรับตัวแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่องอย่างมีนัยสำคัญของฐานะทางการเงินโดยรวมของธนาคาร

การปรับลดอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของ SCB อาจเกิดจากการปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญของฐานะเงินกองทุนของธนาคาร และการเพิ่มระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ (risk appetite) ตัวอย่างเช่น การเติบโตของสินเชื่อในระดับที่สูงมากเกินไปหรือการกระจุกตัวของสินเชื่อในที่ระดับสูงเกินไป

อันดับเครดิตของ SCB ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากการประกาศอันดับเครดิตครั้งนี้ มีดังต่อไปนี้:

- อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวที่ ‘BBB+’ ; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

- อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้นที่ ‘F2’

- อันดับความเข็งแกร่งทางการเงินที่ ‘bbb+’

- อันดับเครดิตสนับสนุนที่ ‘2’

- อันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำที่ ‘BBB-’

- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่‘AA(tha)’; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ ‘F1+(tha)’

- อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกันที่ ‘BBB+’

- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นของโครงการหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิที่ ‘F1+(tha)’

- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่ ‘AA-(tha)’

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๒๑ 60 ปีแห่งความมุ่งมั่น! คาโอ คว้ารางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น 2 ประเภทในปี 2567 ชูความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม
๑๗:๒๓ AVATR ก้าวสู่ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่! ระดมทุนในรอบ Series C ได้มากกว่า 11,000 ล้านหยวน พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรูหราแห่งอนาคต
๑๗:๐๖ Zoom เปิด 10 เทรนด์ ใช้ AI ในการทำงานปี 2568
๑๗:๑๐ เปิดมุมมองอาชีพที่หลากหลายในอุตสาหกรรมกาแฟไทย เจาะลึกบทบาทและแนวทางยกระดับสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
๑๗:๑๔ อนาคตแห่งการเดินทาง: 5 คนขับ AI จากแอปเรียกรถ Maxim
๑๗:๕๕ Well-Being House บ้านชั้นเดียวเอาใจคนวัยเกษียณ
๑๗:๑๖ กทม. แจงเปิดกว้างการแข่งขันโครงการเช่าคอมพิวเตอร์พกพาสำหรับนักเรียน
๑๖:๓๗ รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยผู้เริ่มให้บริการ 5G กลุ่มแรกกำลังมุ่งสู่โมเดลธุรกิจที่เน้นประสิทธิภาพ
๑๗:๒๕ เมดีซ กรุ๊ป ร่วมสมทบทุนสนับสนุนมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ช่วยผู้ป่วยในชนบท ถิ่นทุรกันดารที่ห่างไกล
๑๖:๔๔ CNN จับตา นวัตกรรมล่าสุดจากนักวิจัยไทย พลิกโฉมการตรวจคัดกรองความเครียดด้วย เหงื่อ