รองอธิบดีกรมศิลปากร กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมศิลปากรได้รับมอบไม้จากสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดอ่างทอง จำนวน 57 ท่อน เป็นไม้ที่ได้รับบริจาคมาจากพุทธศาสนิกชน และผู้มีจิตศรัทธา เพื่อซ่อมแซมโครงสร้างบางชิ้นของราชรถพระนำ และราชรถเชิญพระโกศพระศพ ในงานพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณา นอกเหนือจากโครงสร้างภายในคือ ระบบรองรับ แหนบ และเพลา สำหรับไม้ที่รับมอบนั้นมี ๓ ประเภท คือไม้สักทอง ใช้แกะสลักทำงอน หัวนาค หัวนาคงอนราชรถ หัวนาคหน้าเกริน กนกท้ายเกริน กนกท้ายเกรินราชรถน้อย ไม้แดง ใช้ทำงอนราชรถ ไม้มะค่าโม่งใช้ ทำดุมล้อ ส่วนความคืบหน้าการบูรณะราชรถพระนำ และราชรถเชิญพระโกศพระศพ ขณะนี้คืบหน้าไปกว่า 20 % คาดว่าจะแล้วเสร็จทันตามกำหนดเวลาในเดือนกันยายน 2557 อย่างแน่นอน และนอกจากนี้ทางกรมศิลปากรยังได้ให้เจ้าหน้าที่ของหอจดหมายเหตุไปประจำที่วัดบวรนิเวศวิหารเพื่อทำหน้าที่บันทึกเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน เพื่อรวบรวมจัดทำเป็นหนังสือบันทึกจดหมายเหตุต่อไป
นอกจากนั้นนายนิยม กลิ่นบุบผา ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านช่างศิลปกรรม สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร เปิดเผยว่า นอกจากนั้นกรมศิลปากรยังได้รับมอบพระถ้ำ คือโกศสำหรับเก็บพระอัฐิของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ใช้สำหรับบรรจุพระอัฐิตามสมณศักดิ์ สมเด็จพระมหา สมณเจ้าของสมเด็จพระสังฆราช ซึ่งจะนำไปประดิษฐาน ณ วัดบวรนิเวศวิหาร จำนวน 5 องค์ ได้แก่ พระถ้ำงาช้าง จำนวน 1 องค์ เป็นการนำงาช้างจากจังหวัดสุรินทร์มาแกะสลักให้มีลักษณะคล้ายโกศขนาดเล็ก มีความสูงประมาณ 10 - 15 นิ้ว มีฝาครอบแกะสลักเป็นบัว และพระถ้ำไม้ที่นำไม้มาแกะสลักอีก 4 องค์ ขณะนี้กรมศิลปากรได้ทำแบบจำลองด้วยไม้เสร็จเรียบร้อยแล้ว