นางมาลี สุวรรณสุต รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีดี เฮ้าส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เจ้าของและผู้บริหารสิทธิ์ศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์และเอคิวโฮม เปิดเผยว่า ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองและเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ได้ส่งผลกระทบต่อภาพรวมตลาดรับสร้างบ้าน จนทำให้ความต้องการสร้างบ้านหรือกำลังซื้อผู้บริโภคชะลอตัวตาม โดยเฉพาะตลาดรับสร้างบ้านในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งกำลังซื้อปรับตัวลดลงมากที่สุด ขณะที่ตลาดต่างจังหวัดได้รับผลกระทบไม่มากนัก ดังนั้น จะเห็นว่าปี 2557 นี้ผู้ประกอบการต่างเร่งปรับตัว เพื่อเลี่ยงผลกระทบและหาทางเข้าถึงกำลังซื้อใหม่ๆ ในต่างจังหวัดมากขึ้น
ในส่วนของกลุ่มบริษัทฯ เองพบว่าไตรมาสแรก ยอดขายต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 1 ใน 3 หรือจากเป้าที่ตั้งไว้ 500 ล้านบาท แต่ทำได้เพียง 300 ล้านบาทเศษเท่านั้น จึงอาจเป็นไปได้ว่ายอดขายตลอดปี 57 ที่ตั้งไว้ 2,000 ล้านบาทมีโอกาสต่ำกว่าเป้า หากว่าเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวและความขัดแย้งทางการเมืองยังยืดเยื้อ เนื่องเพราะผู้บริโภคและประชาชนขาดความเชื่อมั่น และชะลอการตัดสินใจสร้างบ้านหลังใหม่ในปีนี้ออกไปก่อน อย่างไรก็ดี บริษัทฯ จะยังคงตัวเลขเป้ายอดขายไว้เท่าเดิม เพราะประเมินว่ายังมีโอกาส แต่จะหันมาเร่งปรับลดระยะเวลาการสร้างบ้านลง เพื่อส่งมอบบ้านให้ลูกค้าได้เร็วขึ้น และสามารถก่อสร้างบ้านได้จำนวนเพิ่มขึ้น
“ปี 2557 บริษัทฯ มีแผนจะบุกตลาดรับสร้างบ้านต่างจังหวัดมากยิ่งขึ้น โดยในช่วงไตรมาส 2 นี้เตรียมเปิดสาขาใหม่เพิ่มอีก 3 แห่ง ทั้งในพื้นที่ภาคกลาง ภาคอีสาน และภาคเหนือ ได้แก่ สาขาสุพรรณบุรี ร้อยเอ็ด และลำปาง ทั้งนี้เพื่อต้องการเข้าถึงกำลังซื้อของผู้บริโภค ในแต่ละพื้นที่ทุกภูมิภาคให้มากที่สุด ซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่มยอดขาย หรือชดเชยกับกำลังซื้อบางส่วนในตลาดเดิมที่หายไป นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังจัดรายการส่งเสริมการขายภายใต้แคมเปญ “Happy Family Happy Time” เพื่อมอบความสุขในโอกาส “วันครอบครัว” และกระตุ้นการตัดสินใจของลูกค้าที่จองสร้างบ้านกับพีดีเฮ้าส์ ในระหว่างวันที่ 1 เม.ย.-31 พ.ค. 57 นี้จะได้รับแพ็คเกจทัวร์ 3 วัน 2 คืน เที่ยวเกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล หรือเชียงคาน จ.เลย และของแถมอื่นๆ อีกมากมาย โดยตั้งเป้ายอดขายสำหรับโปรโมชั่นนี้ไว้ 400 ล้านบาท”
นางมาลี กล่าวเสริมว่า แม้ภาพรวมธุรกิจรับสร้างบ้านในปีนี้ จะเผชิญกับปัจจัยลบที่กล่าวมา แต่ก็ยังมีปัจจัยบวกที่เอื้อให้ผู้ประกอบการที่มีความพร้อม สามารถขยายการรับงานสร้างบ้านได้มากขึ้น ได้แก่ 1) ปัญหาขาดแคลนแรงงานที่เริ่มผ่อนคลาย 2) ราคาวัสดุก่อสร้างที่เริ่มนิ่งหรือไม่ผันผวนเช่นปีที่แล้ว ทั้งนี้เป็นเพราะปริมาณโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่จำนวนลดลง จึงทำให้ความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างและแรงงานลดลงตาม ภาพการแย่งชิงวัสดุและแรงงานจึงไม่ปรากฏให้เห็นเหมือนปีที่ผ่านมา ดังนั้นถือเป็นโอกาสดีที่ผู้ประกอบการจะใช้จังหวะเวลานี้ พลิกวิกฤติเป็นโอกาส ด้วยการเร่งทำยอดขายและเร่งงานก่อสร้างบ้านก่อนต้นทุนจะขยับเพิ่มอีกในอนาคต