นายวีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า กนอ. ได้ลงนามสัญญาร่วมดำเนินงานจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรยามาโตะ อินดัสทรีส์ จังหวัดชลบุรี ระหว่าง กนอ. และ บริษัท อเมริกัน บิวเดอร์ จำกัด ในรูปแบบนิคมอุตสาหกรรมร่วมดำเนินงานกับ กนอ. เพื่อรองรับการขยายตัวภาคอุตสาหกรรม โดยมีเอกชนผู้ลงทุน พัฒนา และให้บริการระบบสาธารณูปโภค และเป็น claster หลักของอุตสาหกรรมไฟฟ้าและเทคโนโลยี อื่นๆ มีการนำหลัก Eco Industrial มาใช้ในการพัฒนานิคมฯ มุ่งสู่การเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศเพื่อทุกภาคส่วนสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างเชื่อมั่น ถือเป็นการพัฒนาที่มีประสิทธิภาพอีกโครงการหนึ่ง
นิคมอุตสาหกรรมยามาโตะ อินดัสทรีส์ จังหวัดชลบุรี พื้นที่ประมาณ 690 ไร่ ในท้องที่ตำบลหนองใหญ่ อำเภอหนองใหญ่ จังหวัดชลบุรี ดำเนินงานโดย บริษัท อเมริกัน บิวเดอร์ จำกัด ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจต่อจังหวัดชลบุรี นิคมอุตสาหกรรมแห่งนี้มีที่ตั้งและลักษณะพื้นที่โครงการไม่มีความเสี่ยงต่อน้ำท่วม และอยู่ใกล้ศูนย์กลางคมนาคมหลักของประเทศ ได้แก่ ท่าเรือพาณิชย์แหลมฉบัง ประมาณ 70 กิโลเมตร ท่าเรืออุตสาหกรรม มาบตาพุด ประมาณ 75 กิโลเมตร และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประมาณ 113 กิโลเมตร และยังมีระบบถนนที่สามารถเชื่อมโยงไปยังภูมิภาคอื่นได้สะดวก พร้อมทั้งเตรียมพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ที่เอื้อต่อการประกอบอุตสาหกรรม และคาดว่าการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมแห่งนี้จะก่อให้เกิดมูลค่าการลงทุนไม่น้อยกว่า 22,000 ล้านบาท การจ้างงานไม่น้อยกว่า 5,000 คน อุตสาหกรรมเป้าหมายเพื่อรองรับอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและชิ้นส่วน กลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ และกลุ่มอุตสาหกรรมเบาอื่นๆ ที่มีความต้องการเข้ามาลงทุนในพื้นที่ภาคตะวันออก โครงการได้มีการนำแนวคิดนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Industrial Estate) มาประกอบการออกแบบและประยุกต์ใช้ในการพัฒนาโครงการ ภายใต้การบริหาร กำกับดูแล ของ กนอ. มีการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมที่ปฏิบัติการตามกฎหมาย / มาตรฐานสากล อีกทั้งมีการบริหารจัดการที่ก่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า ทั้งนี้โครงการนิคมอุตสาหกรรมยามาโตะ อินดัสทรีส์ จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อจังหวัดชลบุรีในการควบคุมดูแลการใช้ประโยชน์ที่ดินให้สอดคล้องกับนโยบายของจังหวัดตามกฎหมายผังเมือง เพื่อไม่ให้เกิดการกระจัดกระจายของภาคอุตสาหกรรมและการกำกับดูแลการประกอบกิจการโรงงานให้มีการเติบโตในพื้นที่ที่ได้จัดเตรียมไว้และสามารถดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลในการเพิ่มพื้นที่อุตสาหกรรมเพื่อรองรับการลงทุนด้านอุตสาหกรรม และคาดว่าจะใช้เวลาในการพัฒนาโครงการฯ ประมาณ 3 ปี (ภายในปี 2559)