นายปิยะ ซอโสตถิกุล กรรมการบริหารเครือซีคอนกรุ๊ป กล่าวถึงธุรกิจจัดสรรสำหรับชาวต่างชาติใน จ. ภูเก็ต กำลังฟื้นตัวอย่างรวดเร็วจากจุดวิกฤตเมื่อปี 2551 ผู้ซื้อชาวยุโรปโดยเฉพาะจากประเทศอังกฤษเริ่มกลับเข้ามาหลังจากทวีปยุโรปประสบปัญหาวิกฤตทางการเงินในปี 2553 แต่ผู้ซื้อที่ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ใน จ. ภูเก็ต กลับมาคึกคักอีกครั้งก็คือกลุ่มชาวรัสเซีย ที่ปัจจุบันมีสัดส่วนทางการตลาดถึง 50% ของผู้ซื้อทั้งหมด ปีนี้ เราคาดการณ์ว่ายอดขายตลาดอสังหาริมทรัพย์สำหรับชาวต่างชาติใน จ. ภูเก็ต จะอยู่ที่ประมาณ 8,000 ล้านบาท โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมก็กำลังมีการพัฒนากันอย่างมาก เช่น บริเวณบางเทา, ป่าตอง, กะตะ, กะรนและแถบโซนตะวันออกของเกาะ ซึ่งสร้างความสนใจให้กับผู้ซื้อโดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องการซื้อไว้เพื่อการลงทุนมากกว่าอยู่อาศัยเองเป็นอย่างมาก
กลุ่มซีคอนมีธุรกิจที่หลากหลาย ทั้งก่อสร้าง, พัฒนาอสังหาริมทรัพย์, ศูนย์สรรพสินค้า, โรงแรม, ผงชูรสตราชฎา, รองเท้านันยาง ฯลฯ ได้ทำการเปิดตัวโครงการจัดสรรสำหรับชาวต่างชาติใน จ. ภูเก็ต ครั้งแรกเมื่อปี 2547 ภายใต้ชื่อบริษัท เอราวัณนา จำกัด ซึ่งในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ได้มีการพัฒนาและปิดขายโครงการไปแล้วรวมทั้งสิ้น 12 โครงการ กระจายอยู่ทั่วเกาะ สร้างรายได้รวมกว่า 1,500 ล้านบาท ทุกโครงการเป็นที่อยู่ในลักษณะ Private Pool Villa ล่าสุดบริษัทฯ ได้เปิดตัวโครงการ Tanode 5 เป็น Pool Villa จำนวน 14 หลัง มูลค่า 300 ล้านบาท ตั้งอยู่ใกล้หาดบางเทา คุณปิยะฯ กล่าวว่ากลยุทธ์ของเราค่อนข้างชัดเจน ทุกโครงการเป็นโครงการขนาดเล็กเพื่อความเป็นส่วนตัว โดยจะเป็น Private Pool Villa ขนาด 2-5 ห้องนอน การออกแบบโครงการจะเน้นที่ประโยชน์ใช้สอย แต่ให้ความรู้สึกเหมือนรีสอร์ท ทุกโครงการจะอยู่ห่างจากทะเลไม่เกิน 5 นาที ราคาอยู่ระหว่าง 15-30 ล้านบาท หรือเหมาะสำหรับตลาดระดับกลาง
เราพยายามรักษาภาพลักษณ์ของบริษัท ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับลูกค้ากลุ่มชาวต่างชาติ เพราะเค้าไม่รู้จักผู้ประกอบการในภูเก็ตมาก่อน เราใช้วิธีการสร้างบ้านเสร็จก่อนขาย เพื่อลูกค้าจะได้เห็นคุณภาพและมีความมั่นใจว่าโครงการจะได้รับพัฒนาจนเสร็จ
บริษัทฯ เพิ่งซื้อที่ดินได้อีก 2 แปลงในแถบบริเวณหาดลายัน ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงของ Concept design คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ภายในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ และสามารถเปิดขายได้กลางปี 2558 มูลค่าโครงการรวมกว่า 500 ล้านบาท ที่ผ่านมา การชุมนุมในกรุงเทพฯ มีผลกระทบเพียงเล็กน้อยกับลูกค้ากลุ่มชาวรัสเซียและชาวยุโรป เพราะส่วนมากเขาจะบินตรงไปลงที่ภูเก็ตเลย แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือสถานการณ์ในยูเครนมากกว่า เพราะลูกค้าชาวรัสเซียที่มีฐานะดีส่วนใหญ่มาจากทางตะวันตกของประเทศหรืออยู่ใกล้กับยูเครน ไม่ใช่มาจากทางเมืองหลวงมอสโคอย่างที่หลายคนคิด อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าตลาดจะสามารถโตได้ 15-20% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า