นายชาลี จันทนยิ่งยง รองเลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า “ที่ผ่านมามีการให้ข่าวเกี่ยวกับการคาดการณ์ช่วงเวลาที่ ก.ล.ต. จะอนุญาตให้เสนอขายหลักทรัพย์ หรืออนุมัติให้จัดตั้งกองทุน รวมทั้งการคาดการณ์ผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนอันเนื่องมาจากการจัดตั้งกองทุนนั้น ขอชี้แจงว่าการอนุญาตให้เสนอขายหลักทรัพย์หรืออนุมัติการจัดตั้งกองทุนใดก็ตาม จะมีความแน่นอน เมื่อ ก.ล.ต. มีหนังสือแจ้งผู้ขออนุญาตหรือขออนุมัติอย่างเป็นทางการแล้วเท่านั้น ซึ่งผู้ลงทุนสามารถติดตามข้อมูลดังกล่าวได้จากเว็บไซต์ ก.ล.ต. www.sec.or.th ภายใต้หัวข้อ “ข้อมูลประจำสัปดาห์” สำหรับการออกและเสนอขายหลักทรัพย์ และภายใต้หัวข้อ “ระบบเผยแพร่ข้อมูลหนังสือชี้ชวนและรายงานกองทุนรวม (MRAP)” สำหรับการจัดตั้งกองทุน
ทั้งนี้ กรณีที่บริษัทจดทะเบียนจำหน่ายทรัพย์สินเข้ากองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน หรือกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ อาจมีผลกระทบต่อโครงสร้างรายได้ และภาระผูกพันในอนาคตของบริษัท รวมทั้งอาจมีเงื่อนไขตามสัญญาบางประการที่มีประเด็นตามมาตรฐานการบัญชีว่าบริษัทจดทะเบียนจะสามารถบันทึกรายการดังกล่าวเป็นการขายขาด (true sale) ได้หรือไม่ หรือต้องบันทึกเป็นการกู้ยืมเงิน ซึ่งการบันทึกบัญชีในแต่ละลักษณะจะมีผลแตกต่างกันอย่างมากต่อผลกำไรขาดทุนหรือภาระหนี้สินของบริษัทในงวดบัญชีที่เกิดรายการ ซึ่งในระหว่างการยื่นขอจัดตั้งกองทุนอาจมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบ รายละเอียดต่างๆ ได้ตลอดเวลา ผู้ลงทุนจะทราบผลกระทบที่แท้จริงต่อเมื่อบริษัทจดทะเบียนได้ข้อยุติในเรื่องการจัดโครงสร้างที่เหมาะสมแล้ว หรือเมื่อ ก.ล.ต. ได้อนุมัติคำขอจัดตั้งแล้ว
ก.ล.ต. จึงขอเตือนผู้ลงทุนให้ใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุนในกรณีที่มีข่าวเรื่องการจัดตั้งกองทุนและการคาดการณ์ผลกำไรของบริษัทจดทะเบียน โดยที่ ก.ล.ต. ยังไม่ได้อนุญาตให้เสนอขายหลักทรัพย์หรืออนุมัติให้จัดตั้งกองทุน และยังไม่มีข้อยุติว่า การจำหน่ายทรัพย์สินให้แก่กองทุนหรือกองทรัสต์จะส่งผลต่องบการเงินของบริษัทจดทะเบียนอย่างไร เนื่องจากหากบริษัทไม่สามารถบันทึกรายการจำหน่ายทรัพย์สินเป็น true sale ได้ นอกจากไม่มีการบันทึกกำไรตามที่เป็นข่าวแล้ว ยังส่งผลให้บริษัทมีหนี้สินสูงขึ้นจากการทำรายการดังกล่าว”
นายชาลี กล่าวเพิ่มเติมว่า “สำหรับนักวิเคราะห์การลงทุนในฐานะผู้ประกอบวิชาชีพ ควรระมัดระวังและรอบคอบในการให้ความเห็นที่มีผลกระทบต่อการตัดสินใจของผู้ลงทุน โดยควรให้ความเห็นเมื่อมีข้อมูลที่ชัดเจนแล้ว หากยังมีความไม่แน่นอนอยู่ ควรให้ความเห็นรอบด้านทั้งเชิงบวกและลบ เพื่อไม่ให้ผู้ลงทุนมีความคาดหวังสูงเกินจริง ในขณะเดียวกันบริษัทจดทะเบียนหรือผู้บริหารก็ควรจะให้ข่าวต่อเมื่อมีความชัดเจนแล้วว่าได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต. และข้อยุติเกี่ยวกับการบันทึกบัญชีแล้ว รวมทั้งหลีกเลี่ยงการให้ข่าวว่าบริษัทจะมีกำไรทั้งที่ยังไม่มีความชัดเจนในการบันทึกบัญชี เพราะอาจมีผลต่อราคาหลักทรัพย์ และอาจเข้าข่ายเป็นการกระทำผิดตามกฎหมายหลักทรัพย์ได้”