นายกอบเกียรติ บุญธีรวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) ( AEC) เปิดเผยว่า ที่ประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2557 มีมติอนุมัติเลือกตั้งกรรมการแทนกรรมการที่ครบกำหนดออกตามวาระและพิจาณาเลือกกรรมการที่ออกตามวาระกลับเข้ามาเป็นกรรมการอีกวาระหนึ่ง ได้แก่ 1.ศ.ดร.วิษณุ เครืองาม กรรมการอิสระและรองประธานกรรมการบริษัท 2.รศ.ดร.ไชยา ยิ้มวิไล กรรมการอิสระและประธานกรรมการตรวจสอบ และ 3.นายไพสิฐ แก่นจันทน์ กรรมการอิสระและกรรมการตรวจสอบ
ทั้งนี้ กรรมการทั้ง 3 ท่านมีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่กำหนดในพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด และกฎหมายหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฯ รวมทั้งการกำกับดูแลกิจการที่ดีของบริษัทจดทะเบียน มีความรู้ความสามารถ ปฏิบัติหน้าที่กรรมการด้วยความระมัดระวัง ซื่อสัตย์สุจริต มีวัยวุฒิและคุณวุฒิที่เหมาะสม และมีทักษะความรู้ในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง การเงิน การบัญชี การบริหารธุรกิจ การวางแผนกลยุทธ์ การกำกับดูแลกิจการที่ดี กฎหมาย หรืออื่นๆ
นอกจากนี้ ที่ประชุมผู้ถือหุ้นยังมีมติอนุมัติ แต่งตั้งกรรมการบริษัท เพิ่ม 2 ท่าน คือ ดร.อภิชัย เตชะอุบล กรรมการ และนายพลเชษฐ์ ลิขิตธนสมบัติ กรรมการ ซึ่งกรรมการทั้ง 2 ท่านเป็นผู้มีประสบการณ์ในการดำรงตำแหน่งกรรมการบในบริษัทจดทะเบียน ผ่านการอบรมจากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) แล้ว และมีพื้นฐานความรู้ที่แตกต่างจากกรรมการท่านอื่นๆ คือ ความรู้ในด้านวิศวกรรม และในด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และมีความรู้ในธุรกิจหลักทรัพย์เป็นอย่างดี
“การดำเนินธุรกิจหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้านั้น หากมีคณะกรรมการที่มีความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ในที่หลากหลายมาร่วมบริหาร จะทำให้บริษัทมีแนวทางและช่องทางในการทำธุรกิจมากขึ้นและมีความคล่องตัวมากขึ้น”นายกอบเกียรติ กล่าว
นายกอบเกียรติ กล่าวถึงแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2557 ว่า ขณะนี้บริษัทได้เปิดสาขาตามแผนงานที่วางไว้ จำนวน 9 สาขา ได้แก่ นครสวรรค์, สีลม, เชียงใหม่-ถนนมหิดล, ซอยศูนย์วิจัย, เซ็นทรัล ลาดพร้าว, เชียงใหม่-ถนนช้างคลาน, นครศรีธรรมราช, ประชาชื่น และหาดใหญ่ เพื่อรองรับการให้บริการแก่ลูกค้านักลงทุนได้อย่างครอบคลุมและครบวงจร ทั้งนี้ แต่ละสาขาจะเป็นศูนย์กลางการให้บริการของแต่ละภูมิภาคนั้นๆ
นอกเหนือจากการให้บริการด้านธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์แล้ว บริษัทจะมุ่งเน้นงานด้านวาณิชธนกิจ (Investment Banking) โดยเฉพาะการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินการลงทุนทั้งตลาดในประเทศไทยและกลุ่มประเทศในตลาดอาเซียนอีกด้วย ทั้งนี้ ในปัจจุบัน บล.เออีซี มีหลายโครงการที่จะเข้าไปดูแล คิดเป็นมูลค่าหลายหมื่นล้านบาท มีทั้งการรับเป็นที่ปรึกษาเพื่อพัฒนาฟื้นฟูปรับโครงสร้าง และการลงทุนในธุรกิจอุตสาหกรรมปิโตรเคมีระดับชั้นนำของประเทศ, ที่ปรึกษาทางการเงินและการลงทุน และการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ (IPO) โดยขณะนี้เริ่มมีดีลในมือแล้วประมาณ 4 บริษัท คาดว่าในปีนี้จะสามารถนำหุ้นใหม่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้อย่างน้อย 2 บริษัท มูลค่าประมาณ 4,000 ล้านบาท