นายสมเกียรติ ปินตาธรรม ประธาน บริษัท เอ็นเอสบลูสโคป (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันความต้องการใช้งานเหล็กในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยสิงคโปร์มีปริมาณการบริโภคเหล็กต่อจำนวนประชากรสูงกว่า 500 กก./คน/ปีรองลงมาคือมาเลเซีย 300 กก./คน/ปีส่วนประเทศไทยอยู่ในอันดับสาม 200 กก./คน/ปี ซึ่งจะเห็นได้ว่าปริมาณการใช้งานเหล็กในประเทศไทยยังมีโอกาสในการเติบโตได้อีกมาก และหากพิจารณาตลาดเหล็กเคลือบ (Coated Steel) ก็พบว่ามีปริมาณการใช้งานเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเช่นกัน โดยในช่วง 5 ปีย้อนหลัง การใช้งานเหล็กเคลือบมีอัตราการเติบโตกว่า 10% ทุกปี
“ที่ผ่านมา เอ็นเอสบลูสโคป เน้นกลุ่มเป้าหมายไปที่อุตสาหกรรมก่อสร้างขนาดใหญ่ หรือ I&C (Industrial &Commercial) เป็นหลัก แต่เนื่องจากในช่วงปลายปีที่ผ่านมาจนถึงกลางปีนี้ ตลาด I&C ค่อนข้างชะลอตัว เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมืองที่ทำให้การลงทุนทั้งในและต่างประเทศหยุดชะงัก ปีนี้เราจึงมุ่งขยายธุรกิจไปยังกลุ่มโรงงานเอสเอ็มอี และที่พักอาศัยมากขึ้น เนื่องจากเป็นตลาดที่ยังมีช่องว่างอยู่มาก ขณะเดียวกัน เอ็นเอสบลูสโคปก็มีผู้ถือหุ้นใหม่จากญี่ปุ่น จึงมีแผนที่จะขยายตลาดไปในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าด้วย“ นายสมเกียรติ กล่าว
นายสมเกียรติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลิตภัณฑ์ของเอ็นเอสบลูสโคป เป็นที่รู้จักกันดีในกลุ่ม I&C แต่ในกลุ่มเอสเอ็มอีและผู้บริโภค (End user) ยังไม่คุ้นเคยมากนัก จึงสร้างการรับรู้ให้กับลูกค้ากลุ่มนี้
โดยชูแบรนด์บลูสโคปแซคส์ ขึ้นมาเป็นจุดขาย เพื่อให้ลูกค้าจดจำง่าย โดยรวบรวมหลากหลายผลิตภัณฑ์ไว้ภายในแบรนด์เดียว พร้อมตอบโจทย์ลูกค้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการมากขึ้น อีกหนึ่งกลยุทธ์คือ บลูสโคปออโธไรซ์ดีลเลอร์ ซึ่งเป็นการดึงลูกค้าที่เป็นโรงงานแปรรูปและผู้จำหน่ายเหล็กเข้ามาเป็นคู่ค้า โดยทำให้ บลูสโคปออโธไรซ์ดีลเลอร์ มีการบริการและการตกแต่งภายใต้มาตรฐานเดียวกัน เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้บริโภค อีกทั้งเป็นการส่งเสริมการตลาดให้กับคู่ค้าอีกทางหนึ่ง โดยแห่งแรกจะอยู่ที่ถนนบางนาตราดและมีแผนที่จะเปิดอีก10 แห่งภายในปีนี้
นอกจากนี้ เอ็นเอสบลูสโคป ยังใช้งบลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท นำนวัตกรรมการผลิตจากบริษัท นิปปอนสตีลแอนด์ซูมิโตโม เมทัลคอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้ร่วมทุนกันเมื่อปี 2556 มาใช้ในประเทศไทย เพื่อผลิตเหล็กเคลือบชนิดใหม่ ซูเปอร์ ไดม่า (SuperDyma) ที่มีคุณสมบัติในการต้านทานการกัดกร่อนได้ดีกว่าสังกะสี เหมาะสำหรับใช้ในกระบวนการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยให้เอ็นเอสบลูสโคปขยายส่วนแบ่งการตลาดเข้าสู่ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงงานผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าของญี่ปุ่น เช่น ชาร์ป พานาโซนิค และโตชิบา เป็นต้น ซึ่งเอ็นเอสบลูสโคป นับเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ซูเปอร์ ไดม่าแต่เพียงผู้เดียว สำหรับตลาดก่อสร้างและเครื่องใช้ไฟฟ้าในประเทศไทย
“จากนี้ไปการก่อสร้างโรงงานเอสเอ็มอีและที่พักอาศัยในประเทศไทยจะมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อ AEC เกิดขึ้น จะทำให้การก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างขยายตัวออกไปตามจังหวัดที่อยู่ใกล้กับประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น ส่งผลให้แนวโน้มการใช้เหล็กเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ซึ่งจากข้อได้เปรียบของเหล็กเคลือบที่ช่วยให้การก่อสร้างมีคุณภาพสูง ติดตั้งสะดวก แข็งแรง สวยงาม และประหยัดแรงงานในการก่อสร้าง จะยิ่งทำให้กระแสความนิยมการใช้งานเหล็กเคลือบเพิ่มขึ้นกว่าเดิมมาก โดยเรามั่นใจว่าเอ็นเอสบลูสโคปจะเติบโตควบคู่กับการเติบโตของอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10%” นายสมเกียรติ กล่าว
ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์ของเอ็นเอสบลูสโคป แบ่งออกดังนี้1) ผลิตภัณฑ์สำหรับงานหลังคาและผนังเหล็กสำหรับอุตสาหกรรมก่อสร้างอาคารพาณิชย์(Industrial & Commercial), อุตสาหกรรมขนาดย่อม SME รวมทั้งบ้านที่อยู่อาศัย (Residential) ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ซิงคาลุม (ZINCALUME®) คลีนคัลเลอร์บอนด์ (Clean Colorbond®) แซคส์ (ZACS®) พีแซค์ (P-ZACS®) และจิงโจ้เหล็ก™ 2) อาคารเหล็กสำเร็จรูปแรนบิวด์ (Ranbuild®) สำหรับอาคารโกดังโรงรถและอาคารอเนกประสงค์ 3) ระบบโครงหลังคาและผนังเหล็กสำเร็จรูปเอ็นดูโรเฟรม (Enduroframe®)สำหรับโครงการบ้านพักอาศัย อาคารพาณิชย์นอกจากนี้ ยังครอบคลุมไปถึงกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิต โดยเฉพาะการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า และอุตสาหกรรมห้องเย็น Cool RoomPanel เป็นต้น
ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท อินทิเกรเต็ดคอมมูนิเคชั่น จำกัด โทร. 0 2354 3588 www.incom.co.th