อย่ามองข้าม…โรคความดันโลหิตสูง

อังคาร ๐๖ พฤษภาคม ๒๐๑๔ ๑๔:๒๑
นาวาอากาศเอก นายแพทย์อนุตตร จิตตินันทน์

ประธานวิชาการ สมาคมความดันโลหิตสูงแห่งประเทศไทย

ความดันโลหิตสูง จัดได้ว่าเป็นโรคฮิตของคนยุคนี้ คนเป็นกันเยอะมากจนบางครั้งดูเป็นเรื่องปกติ แต่อันที่จริงเป็นภัยเงียบใกล้ตัวที่อันตรายมาก เรียกได้ว่า ห้ามประมาท เพราะเป็นสาเหตุสำคัญทำให้มีโอกาสเกิดโรคหลอดเลือดสมองตีบหรือแตก เกิดอาการอัมพฤกษ์ อัมพาต รวมทั้งโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดกล้ามเนื้อหัวใจตาย ทำให้หัวใจวายและเสียชีวิตได้ รวมทั้งทำให้เกิดไตวายเรื้อรังจนอาจต้องรับการล้างไต จึงถือว่าโรคความดันโลหิตสูงเป็นเหมือน “ฆาตกรเงียบ”ที่แฝงอยู่ในตัวผู้ป่วยเลยทีเดียวนอกจากนี้ปัญหาสำคัญของโรคความดันโลหิตสูงก็คือ ผู้ป่วยมากกว่าครึ่งไม่รู้ตัวว่าเป็น และถึงแม้จะรู้ตัวว่าเป็นแล้วก็ยังไม่สนใจดูแลรักษา ส่วนหนึ่งเนื่องจากมักจะไม่มีอาการ ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่ได้ให้ความสนใจ พอเริ่มมีอาการหรือภาวะแทรกซ้อนแล้ว จึงค่อยเริ่มดูแลตนเอง ทำให้ผลการรักษาไม่ดีเท่าที่ควร ก่อนที่จะเข้าเรื่อง ขออธิบายเรื่องความดันโลหิตกันก่อน เพราะบางคนอาจ ยังไม่เข้าใจว่า คืออะไร อธิบายง่าย ๆ ได้ว่า ความดันโลหิต คือ ค่าที่วัดแรงดัน ในหลอดเลือดแดงโดยใช้เครื่องวัดซึ่งมีหลายแบบ ทั้งที่เป็นแบบปรอท แบบเข็มวัด และแบบอัตโนมัติ ค่าที่วัดได้มี 2 ค่า โดยเขียนเป็นตัวเลข 2 ตัว คั่นกลางด้วย เครื่องหมายเศษส่วน เช่น 130/80 มิลลิเมตรปรอท (มม.ปรอท) ตัวเลขตัวแรก หรือตัวบน เป็นค่าความดันโลหิตระหว่างหัวใจบีบตัว ส่วนตัวเลขตัวที่สอง หรือตัวล่าง เป็นค่าความดันโลหิตระหว่างหัวใจคลายตัว ทั้งนี้จะต้องวัดด้วยวิธีการที่ถูกต้อง โดยให้ผู้ป่วยนั่งพักก่อนอย่างน้อย 5 นาที และวัดในท่านั่งโดยให้แขนอยู่ในระดับเดียวกับหัวใจ โดยใช้เครื่องวัดที่มีขนาด ผ้าพันแขนเหมาะสมกับแขนของผู้ถูกวัดความดัน

โดยทั่วไปหากผู้ใดวัดความดันโลหิตระหว่างหัวใจบีบตัวได้มากกว่า 140 มิลลิเมตรปรอท หรือวัดความดันโลหิตระหว่างหัวใจคลายตัวได้มากกว่า 90 มิลลิเมตรปรอท จะถือว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งโรคนี้พบได้บ่อย ในคนไทยร้อยละ 20 เลยทีเดียว

อะไรที่ทำให้เสี่ยงต่อโรคความดันสูง

ปัจจัยที่ทำให้ความดันโลหิตสูง อยากรู้ไหมว่า อะไรคือปัจจัยที่ทำให้ความดันสูงขึ้น

1. อายุ ส่วนใหญ่เมื่ออายุมากขึ้น ความดันโลหิตจะสูงขึ้น เช่น ขณะอายุ 18 ปี ความดันโลหิต เท่ากับ 120/70 มม.ปรอท แต่พออายุ 60 ปี ความดันโลหิต อาจจะเพิ่มขึ้น เป็น 140/90 แต่ก็ไม่ได้เป็นกฎตายตัวว่าอายุมากขึ้นความดันโลหิตจะสูงขึ้นเสมอไป อาจวัดได้ 120/70 เท่าเดิมก็ได้

2. ช่วงเวลาของวัน ความดันโลหิตจะขึ้น ๆ ลง ๆ ไม่เท่ากันตลอดวัน เช่น ในตอนเช้าอาจจะวัดได้ 130 มม.ปรอท ขณะที่ช่วงบ่ายอาจวัดได้ถึง 140 มม.ปรอท ขณะนอนหลับอาจวัดได้ต่ำเพียง 100 มม.ปรอท เป็นต้น

3. จิตใจและอารมณ์ มีผลต่อความดันโลหิตได้มาก ขณะที่ได้รับความเครียด อาจทำให้ความดันโลหิตสูงกว่าปกติถึง 30 มม.ปรอท ขณะที่พักผ่อนความดันโลหิตก็จะสามารถกลับมาสู่ภาวะปกติได้ เมื่อรู้สึกเจ็บปวดก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นได้เช่นกัน

4. เพศ เพศชายจะเป็นโรคความดันโลหิตสูงได้บ่อยกว่าเพศหญิง

5. พันธุกรรมและสิ่งแวดล้อม ผู้ บิดาและมารดา เป็นโรคความดันโลหิตสูงมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคนี้มากกว่าผู้ที่ไม่มีประวัติคนในครอบครัว เครียดทำ ให้มีแนวโน้มเป็นโรคความดันสูงด้วยเช่นกัน

6. สภาพภูมิศาสตร์ ผ้ที่อยู่ในสังคมเมืองจะพบภาวะความดันโลหิตสูง มากกว่าในสังคมชนบท

7. เชื้อชาติ ชาวตะวันตกพบความดันโลหิตสูงมากกว่าชาวเอเชีย

8. ปริมาณเกลือที่รับประทาน ผู้ที่รับประทานเกลือมากมีโอกาสเกิดโรคความดันโลหิตสูง มากกว่าผู้ที่รับประทานเกลือน้อย เพราะปริมาณเกลือที่มากเกินพอดีจะทำ ให้ร่างกายเก็บรักษาน้ำมากขึ้น ทำ ให้ปริมาณน้ำในหลอดเลือดเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิดความดันสูง แนะนำ ให้รับประทานเกลือไม่เกิน 5 กรัมต่อวัน หรือ 1 ช้อนชา

อาการและภาวะแทรกซ้อน

อาการเวลาเป็นโรคนี้ มีอยู่หลายแบบ ส่วนใหญ่จะไม่มีอาการใด ๆ เลยบางคนอาจมีอาการปวดศีรษะ มึนงง เวียนศีรษะ เหนื่อยง่ายผิดปกติ หรือมีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ ซึ่งหากปล่อยไว้เป็นเวลานานโดยไม่รักษาหรือควบคุมไม่ดี อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น ภาวะหัวใจวายหรือหลอดเลือดในสมองแตก หรืออาจเกิดภาวะแทรกซ้อนจากหลอดเลือดแดงตีบหรือตัน เช่น กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน หรือเรื้อรัง ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ อาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ รวมไปถึงอาการหลอดเลือดสมองตีบ เกิดอัมพฤกษ์ อัมพาต หรือหลอดเลือดแดงในไตตีบมากถึงขั้นไตวายเรื้อรัง

การรักษาความดันโลหิตสูง

การรักษาโรคความดันโลหิตสูงนั้นมีทั้งแบบใช้ยา และไม่ใช้ยาโดยการ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตเพราะในการรักษานั้นไม่จำเป็นที่ผู้ป่วยจะต้องใช้ยาทุกคน

การรักษาโดยการไม่ใช้ยา

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตไม่ว่าจะเป็นการลดน้ำหนัก รับประทานอาหารให้เหมาะสม ออกก ลังกายสม่ำเสมอ จำ กัดเกลือในอาหาร งดหรือลดการดื่มแอลกอฮอล์ ก็ถือเป็นการรักษาที่สำคัญ และในกรณีที่ใช้ยารักษาก็จำ เป็นต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเช่นเดียวกัน ไม่เช่นนั้นก็อาจจะไม่หายจากโรคนี้ได้ การลดน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ คือ มีดัชนีมวลกาย = 18.5 - 24.9 กก./ ม.2 จะช่วยลดความดันตัวบนได้ 5-20 มม.ปรอท ต่อการลดน้ำหนักตัว 10 กก. เน้นรับประทานผัก ผลไม้ให้มาก ลดปริมาณไขมันในอาหารโดยเฉพาะไขมันอิ่มตัว จะช่วยลดความดันตัวบนได้ 8-14 มม.ปรอท อีกอย่างที่ไม่ควรมองข้าม คือ การจำกัดเกลือในอาหารโดยลดการรับประทานเกลือไม่เกินวันละ 1 ช้อนชา จะช่วยลดความดันตัวบนได้ 2-8 มม.ปรอท ส่วนการงดหรือลดแอลกอฮอล์ โดยจำกัดการดื่มให้ไม่เกิน 2 drinks ต่อวัน ในผู้ชาย และไม่เกิน 1 drink ต่อวัน ในผู้หญิงและคนน้ำหนักน้อย [1 drink เทียบเท่ากับ 44 มล. ของสุรา (40%) 355 มล. ของเบียร์ (5%) หรือ 148 มล. ของเหล้าองุ่น (12%)] จะช่วยลดความดันตัวบนได้ 2-4 มม.ปรอท อีกสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ การออกกำ ลังกายแบบแอโรบิกอย่างสม่ำเสมอ เช่น การเดินเร็ว ๆ หรือวิ่ง อย่างน้อย 30 นาที ต่อวัน และเกือบทุกวันต่อสัปดาห์ จะช่วยลดความดันตัวบนได้ 4-9 มม.ปรอท

การรักษาโดยการใช้ยา

ยาลดความดันโลหิตมีหลายกลุ่ม ได้แก่ ยาขับปัสสาวะ ยาต้านแคลเซียมยาเอซีอีไอ ยาเออาร์บี ยาต้านเบต้า และยาต้านอัลฟ่า แพทย์จะใช้ยากลุ่มใดในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงจะพิจารณาจากการประเมินว่า มีโรคหัวใจ โรคไตโรคเบาหวานด้วยหรือไม่ การตอบสนองของยาในแต่ละคนเป็นอย่างไร เกิดผลข้างเคียงของยาหรือไม่ โดยทั่วไปผู้ป่วยมักต้องใช้ยา 2-3 ตัวขึ้นไปเพื่อให้ได้ระดับความดันโลหิตที่ต้องการ การปฏิบัติที่สำคัญเมื่อได้รับการสั่งจ่ายยา ผู้ป่วยควรแจ้งให้แพทย์ทราบถ้ารับประทานยาอย่างอื่นอยู่ และควรรับประทานยาโดยสม่ำเสมอตามแพทย์สั่ง หากมียาชนิดใดที่ทำให้รู้สึกไม่สบาย ควรแจ้งด้วยเช่นกัน เพราะอาจต้องหยุด หรือลดขนาดยา และมารับการตรวจ อย่ารอให้ยาหมด

“จากข้อมูลทางการแพทย์ระบุไว้ว่า ผู้ป่วยที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงและไม่ได้รับการรักษาจะเสียชีวิตจากหัวใจวายถึง 60-75% เสียชีวิตจากเส้นเลือดในสมอง อุดตันหรือแตก 20-30% และเสียชีวิตจากไตวายเรื้อรัง 5-10% และ รู้ไหมว่า การลดความดันโลหิตให้อยู่ในระดับปกติ หรือน้อยกว่า 140/90 มม.ปรอท จะช่วยลดการเกิดอัมพาตร้อยละ 35–40 หัวใจขาดเลือดหรือ กล้ามเนื้อหัวใจตายลดลงร้อยละ 20–25 และทำให้เกิดหัวใจวายลดลงร้อยละ50 เพราะฉะนั้นผู้ป่วยจึงควรดูแลตนเอง ควบคุมระดับความดันให้ปกติ ไว้ดีกว่า”

สรุปแล้ว การลดน้ำหนัก รับประทานอาหารให้เหมาะสม ออกกำลังกายสม่ำเสมอ จำกัดเกลือในอาหาร งดหรือลดการดื่มแอลกอฮอล์ ช่วยลดความดันโลหิตได้ และควรรับประทานยาตามแพทย์สั่งโดยสม่ำเสมอ…เพียงเท่านี้ก็ห่างไกลจากโรคความดันแล้วล่ะ

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version