บลจ.กรุงศรี ตอกย้ำความเป็นผู้นำกองทุนหุ้น ดัน KFSDIV ขึ้นแท่นกองทุนหุ้นที่มีขนาดใหญ่สุดของอุตสาหกรรม

พฤหัส ๐๘ พฤษภาคม ๒๐๑๔ ๑๕:๒๖
นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด เปิดเผยว่า “บริษัทประสบความสำเร็จในการบริหารจัดการกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดกองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นปันผล(KFSDIV) มียอดเงินลงทุนเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวมกว่า 11,360 ล้านบาท ส่งผลให้กองทุน KFSDIV เป็นกองทุนรวมหุ้นที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรม (ข้อมูลจาก Morningstar 30 เม.ย. 57) สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนที่มีต่อการบริหารจัดการกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นของ บลจ.กรุงศรี”

“กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นปันผล(KFSDIV) มีนโยบายลงทุนในหุ้นของบริษัทที่มีความมั่นคง มีการจ่ายเงินปันผลดีสม่ำเสมอ ตั้งแต่จัดตั้งกองทุนในปี พ.ศ.2550 ถือเป็นกองทุนดาวเด่นที่มีผลการดำเนินงานที่ดีและสามารถจ่ายเงินปันผลได้อย่างสม่ำเสมอ โดยกองทุน KFSDIV มีการจ่ายเงินปันผลรวม 21 ครั้ง เป็นเงินทั้งสิ้น 11.55 บาท ถือเป็นกองทุนที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนที่ต้องการรับผลตอบแทนการลงทุนในรูปของเงินปันผลที่ดีและสม่ำเสมอและต้องการโอกาสที่จะได้รับผลกำไรส่วนเกิน”

“นอกจากนี้ ในส่วนของกองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นแวลู (KFVALUE) ที่มีนโยบายการลงทุนเหมือนกับกองทุน KFSDIV แตกต่างกันเพียงกองทุน KFVALUE ไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล เป็นอีกหนึ่งกองทุนที่มีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นติดอันดับต้นๆของอุตสาหกรรม และได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ลงทุนที่ต้องการโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นแต่ไม่ต้องการรับเงินปันผล”

“ในส่วนของกองทุน LTF และกองทุน RMF ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นก็มีผลการดำเนินงานที่ดีสามารถสร้างผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอและมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิเติบโตอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ กองทุนกองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นระยะยาวปันผล(KFLTFDIV) ที่มีระดับความเสี่ยงที่เหมาะสมและจ่ายเงินปันผลได้อย่างสม่ำเสมอทุกปีนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน (พ.ย. 2547) จำนวนรวมทั้งสิ้น 9 ครั้ง เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 6.59 บาท และกองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นปันผลเพื่อการเลี้ยงชีพ(KFDIVRMF) ที่มีนโยบายเน้นลงทุนในหุ้นที่มีแนวโน้มจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอเพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนสูงในระยะยาว โดยทั้งสองกองทุนมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 ปี 5 ปีที่สูงกว่าเกณฑ์มาตราฐาน”

“อย่างไรก็ตาม ผู้ลงทุนควรให้ความสำคัญกับวัตถุประสงค์ในการลงทุน โดยพิจารณาลงทุนในกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนที่เหมาะสมกับตนเอง กระจายการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆให้เหมาะกับระดับความเสี่ยงที่ตนเองสามารถรับได้ ที่สำคัญควรพิจารณาผลการดำเนินงานย้อนหลังของกองทุนอย่างน้อย 3 – 5 ปี โดยกองทุนที่ดีควรมีผลการดำเนินงานที่ดีอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งควรลงทุนทั้งในส่วนของกองทุน LTFและกองทุน RMF ให้เต็มสิทธิลดหย่อนภาษีที่ตนเองได้รับ”นายฉัตรพี กล่าว

นายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.กรุงศรี เปิดเผยว่า “บริษัทยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อทิศทางของตลาดหุ้นไทยในระยะยาว แม้ในระยะสั้นจะยังคงมีความผันผวนจากสถานการณ์ทางการเมือง แต่ในระยะกลางถึงยาวตลาดหุ้นไทยยังมีความน่าสนใจเนื่องจากศักยภาพของเศรษฐกิจไทยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาถึงแม้ต้องประสบกับปัญหาทั้งภายในและภายนอกประเทศในหลายๆเรื่อง แต่ก็สามารถมีการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจโดยค่าเฉลี่ยประมาณ 4% และกำไรของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ก็เติบโตประมาณ 10% ดังนั้น จากการที่ในปี 2559 เป็นต้นไปจะมีการรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียนซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่มีการเจริญเติบโตค่อนข้างสูงถึงประมาณ 6% น่าจะส่งผลให้ประเทศไทยซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศเหล่านี้จะได้รับประโยชน์จากการเชื่อมโยงที่มีความสะดวกสบายและกฎเกณท์ต่างๆที่จะเอื้อให้การดำเนินธุรกิจต่างๆมีการขยายตัวและมีประสิทธิภาพที่สูงขึ้น

สำหรับสัดส่วนการจัดพอร์ตการลงทุนของปี2557 ก็ยังสามารถจัดพอร์ตการลงทุนในเชิงรุกได้ถ้าหากมีกรอบระยะเวลาในการลงทุนประมาณ 3-5 ปี เพราะความผันผวนของตลาดหุ้นในปีนี้น่าจะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ลงทุนที่จะได้มีต้นทุนในการลงทุนที่ต่ำและสามารถได้รับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวได้

ทั้งนี้ แนะนำให้นักลงทุนจัดพอร์ตการลงทุนให้เหมาะกับความเสี่ยงที่ตนเองสามารถรับได้ เนื่องจากจังหวะนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าลงทุนในหุ้นราคาถูกเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว โดยอาจจัดสรรเงินลงทุนส่วนใหญ่ลงทุนในตลาดหุ้นไทยและบางส่วนในตลาดหุ้นต่างประเทศ เพื่อสะสมหน่วยลงทุนและเพิ่มโอกาสในการรับผลตอบแทนในช่วงที่ตลาดหุ้นฟื้นตัว

“สำหรับการลงทุนในกองทุน LTF และ RMF เพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษีนั้น ถือเป็นการลงทุนระยะยาวผู้ลงทุนสามารถทยอยลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน (Dollar Cost Average :DCA) เพื่อเฉลี่ยต้นทุนและลดความเสี่ยงจากการลงทุนเพียงครั้งเดียวช่วงปลายปี ทั้งนี้ ในช่วงที่ตลาดปรับตัวลดลงจะมีเงินเข้ามาลงทุนมากเป็นพิเศษ ถือเป็นสัญญาณที่ดีซึ่งแสดงให้เห็นถึงความรู้ความเข้าใจของผู้ลงทุนที่เพิ่มมากขึ้น

สอบถามรายละเอียดข้อมูลกองทุนพิ่มเติม และขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บลจ.กรุงศรี จำกัด โทร. 02-657-5757

การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลในหนังสือชี้ชวนก่อนการตัดสินใจลงทุน โดยเฉพาะนโยบายการลงทุน ความเสี่ยง และผลการดำเนินงานของกองทุนได้ที่เวปไซด์บริษัทจัดการwww.krungsriasset.com เอกสารที่เกี่ยวกับกองทุนและคู่มือภาษีได้ที่บริษัทจัดการหรือสำนักงานของผู้สนับสนุนการขายก่อนตัดสินใจลงทุน

ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๑๒ ฉลองเทศกาลตรุษจีนปีงูเล็ก ที่โรงแรมดุสิตธานี กระบี่ บีช รีสอร์ท
๑๗:๐๐ IMPACT เผยปี 68 ข่าวดี! โครงการ Sky Entrance รถไฟฟ้าสายสีชมพูมาตามนัด หนุนทราฟฟิคแน่น - จับมือพาร์ทเนอร์
๑๗:๕๒ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ร่วมกับ มูลนิธิเพื่อสิ่งแวดล้อมและสังคม สนับสนุนโครงการ กู้วิกฤตและอนุรักษ์พะยูน ครั้งที่ 2
๑๗:๕๘ แสนสิริ เจ้าตลาดคอนโดแคมปัส อวดโฉม ดีคอนโด วิวิด รังสิต คอนโดใหม่ตรงข้าม ม.กรุงเทพ
๑๖:๔๓ เอ็นไอเอ - สสส. ดึงนิวเจน สรรค์สร้างนวัตกรรมส่งเสริมสุขภาพ ในแคมเปญ The Health Promotion INNOVATION PLAYGROUND
๑๗:๕๘ กรมวิทย์ฯ บริการ เร่งพัฒนาระบบ e-Learning ยกระดับการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ทั่วประเทศ
๑๖:๕๘ เขตจตุจักรกวดขันคนไร้บ้านเชิงสะพานข้ามคลองบางซื่อ สร้างพื้นที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน
๑๗:๑๗ เขตพระนครประสานกรมเจ้าท่า-เอกชน เร่งปรับปรุงภูมิทัศน์ท่าเรือสุพรรณเดิม
๑๗:๔๐ กทม. กำชับเจ้าของอาคารตรวจสอบโครงสร้างบันไดเลื่อน เพิ่มความปลอดภัยประชาชน
๑๖:๓๗ แลกเก่าเพื่อโลกใหม่ ช้อปคุ้ม พร้อมลดหย่อนภาษี! 'เปลี่ยนของเก่าเป็นความคุ้ม' ผ่าน Easy E-Receipt ได้ที่โฮมโปร เมกาโฮม