นายบุญฤทธิ์ ฉันสุวรรณ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท แสงชัย แอร์ ควอลิตี้ จำกัด เผยว่า “ภาพรวมของตลาดในปีที่ผ่านมา 2556 มีมูลค่า รวมกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งเติบโตจากปีก่อนหน้านี้ คิดเป็นการเติบโตของตลาดกว่า 10% ยอดขายโดยรวมทั้งหมดของตลาดสวิทซ์ ปลั๊ก ของแสงชัย แอร์ ควอลิตี้ ภายใต้แบรนด์ ซีเมนส์ เริ่มจากทางบริษัทฯ ได้เริ่มแนะนำสินค้าซีรีส์ Delta azio เป็นตัวนำร่อง โดยวางตำแหน่งสินค้าที่ระดับกลางถึงบน (B+-A) คือ คุณภาพระดับพรีเมี่ยมแต่ราคาวางอยู่ในระดับ B+ จึงทำให้ได้รับผลตอบรับดีมากจากกลุ่ม developer ชั้นนำที่ต้องการเลือกใช้วัสดุแบรนด์ระดับโลกและราคาอยู่ในระดับที่เหมาะสมทำให้บริษัทฯ มีการเติบโตกว่า 20% หรือประมาณ 60 ล้านบาทในซีรีส์ที่เราทำตลาด โดยบริษัทตั้งเป้าหมายจะนำซีรีส์อื่นๆมาเริ่มทำตลาดและขยายส่วนแบ่งการตลาดภายใน 3 ปีข้างหน้า ให้ได้ 100% ของตลาดในกลุ่มสินค้านี้”
“สำหรับตลาดสวิทซ์ ปลั๊ก ในปี 2557 และภาพรวมของแสงชัย แอร์ ควอลิตี้ ในตลาดสวิทซ์ ปลั๊ก ในประเทศไทยได้รับผลกระทบการชุมนุมทางการเมืองและปัญหาเศรษฐกิจอยู่บ้าง ส่งผลให้กำลังซื้อตกลงและมีผลให้ developer หรือเจ้าของโครงการอสังหาริมทรัพย์เริ่มชะลอโครงการต่างๆในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ผนวกกับสัญญาณของลูกค้าโครงการบ้าน คอนโดฯ หลายๆคนที่ไม่ทำการโอนหรือทิ้งเงินจอง ทำให้การคาดการณ์ยอดขายในปีนี้ คงไม่คาดหวังเติบโตมากจากปีก่อนมากนัก ทำได้แต่เพียงประคองผลประกอบการให้อยู่ในระดับที่ กระทบให้น้อยที่สุด ในส่วนของแสงชัยฯ ซึ่งขายสินค้าสวิทซ์ปลั๊ก SIEMENS เป็นวัสดุที่ต้องใช้ในโครงการต่างๆ ในช่วงครึ่งปีแรกยังไม่ได้รับผลกระทบและยอดขาย ยังไปได้ดีเพราะเป็นผลจากโครงการเก่าๆตั้งแต่ปีที่แล้วเริ่มเรียกวัสดุเข้า แต่ครึ่งปีหลังจนถึงปีหน้า คงต้องเฝ้าติดตามกันอย่างใกล้ชิด”
ทั้งนี้สำหรับยอดขายในปี 2557 ที่ทางแสงชัย แอร์ ควอลิตี้ ตั้งเป้าเอาไว้ ในเซ็คชั่นสวิทซ์ ปลั๊ก ภายใต้แบรนด์ ซีเมนส์ (ในสัดส่วนของสินค้าที่เปิดตัวไปแล้ว)ในไตรมาสทีผ่านมาบริษัทฯ มียอดขายในซีรีส์แรกที่ทำตลาดอยู่ที่ประมาณ 20 ล้านบาท และคาดหมายว่าปลายปีนี้จะทำได้ที่ประมาณ 80 ล้านบาทตามเป้าหมาย เพราะเป็นผลมาจากการตอบรับของโครงการจัดสรรยักษ์ใหญ่ในระดับประเทศเกือบทุกรายที่ให้การยอมรับและเลือกใช้สวิทซ์ปลั๊ก SIEMENS อีกทั้งเรายังมีสินค้าซีรี่ส์ใหม่ที่ตั้งเป้าจะเปิดตัวในปี 2557 รวมถึงยอดขายที่ตั้งเอาไว้ในส่วนของสินค้าที่กำลังจะเปิดตัวโดยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา บริษัทฯได้เริ่มนำเข้าสินค้าในระดับ Premium เพื่อจับตลาดบ้านระดับบน โดยใช้ชื่อรุ่นว่า Valere ซึ่งรูปแบบของตัวสินค้าจะนิยมใช้กันในแถบ ยุโรป วัสดุที่ใช้จะทำจากกระจก และโลหะ โดยตั้งเป้าปีแรกอยู่ที่เดือนละ 1 ล้านบาท โดยได้มีการนำเสนอสถาปนิกโครงการและผู้ออกแบบไปบ้างแล้วบ้างส่วน ซึ่งได้ผลการตอบรับเป็นอย่างดี ทำให้ยอดขายในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2557 เพิ่มขึ้น 20 % อยู่ที่ 20 ล้านบาทในไตรมาสแรก
ด้านทิศทางในการกระตุ้นยอดขายช่วงไตรมาสที่ 2 บริษัทฯได้ทุ่มงบการตลาดมากกว่า 10% ในการทำการตลาดช่วงนี้ โดยเจาะกลุ่ม ร้านค้ารายย่อยในตลาดต่างจังหวัดและในหัวเมืองใหญ่ๆ มีการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายให้ครอบคลุมกับงานโครงการที่ตอบรับ เริ่มทำตลาดในกลุ่ม Home store เช่น Global House ซึ่งถือเป็นพันธมิตรใหม่และเร่งขยายสาขาไปให้ครอบคลุมทั่วประเทศ มีแผนจะแต่งตัวตัวแทนจำหน่าย (Local partner ) ในแต่ละภูมิภาค เนื่องจากกลุ่มนี้จะเข้าใจตลาดและลูกค้าในพื้นที่เป็นอย่างดี เช่นตลาดภูเก็ต เราก็มีตัวแทนจำหน่ายที่ช่วยทำตลาดมากว่า 5 ปีและปีนี้ทางบริษัทฯ ก็เริ่มได้ตัวแทนจำหน่ายหลักใน เชียงใหม่ ขอนแก่น อุบลฯ รวมถึงโคราชส่วนในครึ่งปีหลัง คงให้ความสำคัญเรื่องการขยายฐานลูกค้าโครงการให้มากขึ้น เพราะกลุ่มนี้ค่อนข้างใช้เวลาในการสั่งซื้อนานกว่า และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายมากขึ้น เพราะเป็นฐานที่มั่นของแต่ละแบรนด์สินค้าที่จะเข้าไปจับจองพื้นที่ในร้านค้าให้ได้มากที่สุด ตลอดจนการเข้าไปช่วยตัวแทนจำหน่าย ร้านค้าตกแต่งจุดขาย จัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ณ จุดขาย และการสัมมนาร่วมกับร้านค้า ตัวแทนจำหน่ายในภูมิภาคต่างๆ เน้นการลงทุนไปกับการขยายตัวแทน การช่วยตกแต่งหน้าร้าน การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ณ จุดขาย หรือการจัด โรดโชว์ไปในภูมิภาคต่างๆและอาจจะมีการเพิ่มจุดจำหน่ายของร้านค้าให้มากขึ้น จาก 50 ร้านค้า เป็น 150 ร้านค้า ในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดอีก 50 ร้านค้า และ ส่วน Department Store ใหญ่ๆ เช่น สยามโกลบอลเฮ้าส์ ก็จะเพิ่มอีก 3-5 สาขา จากเดิมเพียง 3 สาขาเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีโชว์รูมของ L&E ที่รัชดา และ บุญถาวร เกษตร-นวมินทร์
นอกจากนี้ในปีนี้บริษัทฯจะมีการปรับปรุงช่องทางในการสื่อสาร เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น website ที่จะปรับปรุงให้มีความทันสมัยมากกว่าเดิม ตลอดจนช่องทาง Social Media ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทาง Facebook และ Youtube เพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้และผู้ออกแบบ รุ่นใหม่ๆ มากขึ้น และกำลังพัฒนารูปแบบที่ลูกค้าสามารถสั่งซื้อออนไลน์ โดยสามารถรับสินค้าและจ่ายเงินที่ร้านค้าตัวแทนจำหน่าย เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกในการเดินทางของผู้ใช้รุ่นใหม่
“ทั้งนี้เนื่องจากทางบริษัทฯ มีการแบ่งกลุ่มธุรกิจออกเป็น 2 กลุ่มคือกลุ่ม HOME และ กลุ่ม Health ซึ่งทาง สวิทซ์ปลั๊ก SIEMENS ถือเป็นสินค้ากลุ่ม ในขณะที่กลุ่ม Health ทางบริษัทฯ ได้มาการทำตลาดในกลุ่มเครื่องฟอกอากาศ Blueair จากสวีเดนมากว่า 3 ปี ในครึ่งปีหลังนี้ ทางบริษัทฯ จะเริ่มนำสินค้าในกลุ่มน้ำ เข้ามาทำตลาด โดยนำร่องด้วยเครื่องกรองน้ำของ HONEYWELL จากอเมริกาเข้ามาทำตลาด โดยจัดจำหน่ายในช่องทางเดิมที่มีอยู่เช่น Central , Power Buy และยังสามารถนำเสนอขายผ่านโครงการเช่นเดียวกับ สวิทซ์ปลั๊ก SIEMENS ได้อีก โดยสินค้านี้เป็นเทคโนโลยีใหม่ ที่ไม่ต้องมี น้ำทิ้ง ไม่ต้องใช้ไฟฟ้า และยังสามารถได้น้ำดื่มที่สะอาดและมีแร่ธาตุครบถ้วน ซึ่งก็คงจะมีการแถลงข่าวอีกครั้ง โดยเนื่องด้วยทั้งสวิทซ์ปลั๊ก SIEMENS เองที่มีการเปิดตัว ซีรีส์ ใหม่ และตัวสินค้ากลุ่มเครื่องกรองน้ำ Honeywell ที่จะเข้ามาทำตลาดในครึ่งปีหลัง ก็คิดว่าทางบริษัทฯ น่าจะทำยอดขายโตสวนกระแสเศรษฐกิจและบรรลุเป้าหมาย 100 ล้านบาทได้” นายบุญฤทธิ์กล่าวทิ้งท้าย