นายโชคชัย ปัญญายงค์ รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในไตรมาส 1 ปี 2557 อุตสาหกรรมการบินของไทย ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศที่ยืดเยื้อ และการประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่กรุงเทพฯ และบางส่วนของปริมณฑล ซึ่งกระทบต่อความมั่นใจต่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้า - ออกในประเทศลดลงเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชีย
ความไม่สงบทางการเมืองในกรุงเทพฯ ได้ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของอุตสาหกรรมการบินในประเทศไทย และการดำเนินงานของบริษัทฯ ในไตรมาส 1 ซึ่งปกติเป็นฤดูกาลท่องเที่ยว แต่กลับมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้า – ออก ประเทศไทยลดลงอย่างมากถึงร้อยละ 17 โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากจีน เข้าประเทศไทยลดลงถึงร้อยละ 27.1 นักท่องเที่ยวจากญี่ปุ่นลดลงจากร้อยละ 25.2 จากเกาหลีลดลงร้อยละ 12.9 และจากกลุ่มอาเซียนลดลงร้อยละ 27.2 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลให้ปริมาณการขนส่งผู้โดยสาร (Revenue Passenger – Kilometer : RPK) ลดลงร้อยละ 12.6 โดยปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสาร (Available Seat - Kilometer : ASK) ลดลงร้อยละ 0.6 ทำให้อัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) เฉลี่ยร้อยละ 70.1 ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนซึ่งเฉลี่ยร้อยละ 79.8 ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้รายได้จากการขายหรือการให้บริการลดลงร้อยละ 11.6 อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้มี
การปรับแผนธุรกิจเพื่อให้สามารถตอบสนองต่อสถานภาพทางการเงินในปัจจุบัน และลดผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการลดลงของปริมาณการเดินทางของผู้โดยสาร โดยมุ่งเน้นการหารายได้ควบคู่ไปกับการควบคุมค่าใช้จ่าย เพื่อให้บริษัทฯ มีผลการดำเนินงานด้านการเงินเป็นที่ยอมรับและสนับสนุนการดำเนินธุรกิจต่อไป
ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 ปี 2557 บริษัทฯ และบริษัทย่อย ซึ่งประกอบด้วย
บริษัทย่อย 5 บริษัท ได้แก่ 1) ไทย-อะมาดิอุสเซาท์อีสต์เอเชีย จำกัด 2) บริษัท วิงสแปน เซอร์วิสเซส จำกัด 3) บริษัท ไทยไฟลท์เทรนนิ่ง จำกัด 4) บริษัท ทัวร์เอื้องหลวง จำกัด และ 5) บริษัท ไทยสมายล์แอร์เวย์ จำกัด (ซึ่งจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2556
โดย บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นร้อยละ 100 แต่ในไตรมาสนี้ยังไม่ได้เริ่มให้บริการด้วยรหัสสายการบินของตนเอง) ดังนั้น ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อยขาดทุนก่อนอัตราแลกเปลี่ยนและภาษีเงินได้ ไม่รวมผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์และเครื่องบิน จำนวน 3,287 ล้านบาท เปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนมีกำไร 4,271 ล้านบาท เมื่อรวมกับผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์และเครื่องบิน 84 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 2,284 ล้านบาท และกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ 990 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 5,139 ล้านบาท ทำให้ในไตรมาส 1 ปี 2557 บริษัทฯ และบริษัทย่อยขาดทุนสุทธิ 2,619 ล้านบาท ในขณะที่ไตรมาส 1 ปี 2556 มีกำไรสุทธิ 8,295 ล้านบาท
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2557 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 306,675 ล้านบาท ลดลงจากวันที่ 31 ธันวาคม 2556 จำนวน 410 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.1 หนี้สินรวมของบริษัทฯ และบริษัทย่อย เท่ากับ 252,374 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2556 จำนวน 2,208 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.9 และส่วนของผู้ถือหุ้นมีจำนวน 54,302 ล้านบาทลดลงจากวันที่ 31 ธันวาคม 2556 จำนวน 2,617 ล้านบาท