นายชวน ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK ผู้พัฒนาโครงการ “ชวนชื่น” และ “สิรีนเฮ้าส์” เปิดเผยถึง ผลประกอบการประจำไตรมาส 1/2557 ว่า บริษัทฯ รับรู้รายได้จากการขายและบริการ จำนวน 421.70 ล้านบาท ลดลง 28.16% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีรายได้ 586.96 ล้านบาท รายได้ส่วนที่ลดลงในปีนี้คือรายได้จากคอนโดมิเนียม ซึ่งลดลงจากไตรมาส 1/2556 ถึง 231.51 ล้านบาท เนื่องจากโครงการเด็น วิภาวดี มีการส่งมอบและโอนกรรมสิทธิ์ไปเกือบทั้งหมดในปี 2556 แต่ในขณะเดียวกัน บริษัทฯ ก็รับรู้รายได้จากบ้านจัดสรรเพิ่มขึ้น เมื่อเปรียบเทียบเฉพาะรายได้ส่วนของแนวราบจะเห็นได้ว่า รายได้ในไตรมาสนี้สูงกว่ารายได้ไตรมาส 1/2556 เท่ากับ 20.44% โครงการหลักที่สร้างรายได้ในไตรมาสนี้ ได้แก่ ไพรเวทพาร์ค ชวนชื่นซิตี้, ชวนชื่น โมดัส วิภาวดี, ชวนชื่น จรัญฯ 3 และชวนชื่น พระราม 7 - สิรินธร
บริษัทฯ มีกำไรเบื้องต้น 162.22 ล้านบาท ลดลง 16.63% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ที่ 194.58 ล้านบาท อย่างไรก็ดีอัตราส่วนกำไรเบื้องต้น (Gross Profit Margin) ในไตรมาสนี้เท่ากับ 38.47% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 33.15% เนื่องจากการรับรู้รายได้ของคอนโดมิเนียม ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นต่ำกว่าแนวราบนั้นมีสัดส่วนลดลงจากปีที่ผ่านมา ในส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร เท่ากับ 101.63 ล้านบาท ลดลง 4.60% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 106.53 ล้านบาท โดยส่วนของค่าใช้จ่ายในการขายเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากกิจกรรมทางการตลาดที่มีต่อเนื่องสำหรับโครงการใหม่ อาทิ ชวนชื่น พระราม 7 – สิรินธร, ออกัสท์ คอนโดมิเนียม ส่วนของค่าใช้จ่ายในการบริหารลดลง เนื่องจากปีที่แล้วได้มีการบันทึกค่าใช้จ่ายโบนัสพนักงานล่วงหน้าสำหรับปี 2556 และบันทึกค่าใช้จ่ายโบนัสพนักงานจ่ายจริงสำหรับปี 2555 ด้วย หลังหักดอกเบี้ยและภาษีแล้ว บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 44.78 ล้านบาท ลดลง 36.16% จากไตรมาส 1/2556 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 70.14 ล้านบาท โดยอัตราส่วนกำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ประจำไตรมาส 1/2557 เท่ากับ 10.55% ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 11.81%
ในส่วนของสินทรัพย์ลดลง 111.83 ล้านบาท เมื่อเทียบกับสิ้นปีที่ผ่านมา จาก 6,782.62 ล้านบาทเป็น 6,670.78 ล้านบาท เนื่องจากเงินสดที่ปลายปีมีค่อนข้างสูง จึงนำไปชำระหนี้ที่มีภาระดอกเบี้ย ทำให้หนี้สินรวมปรับลดลง 156.53 ล้านบาท จาก 1,502.79 ล้านบาทเป็น 1,346.26 ล้านบาท สอดคล้องกับงบกระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงินที่เป็นลบ (171.73) ล้านบาท ความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัทฯ ยังถูกสะท้อนให้เห็นจากอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) ของบริษัทฯ ณ สิ้นไตรมาสนี้ ซึ่งเท่ากับ 0.25 เท่า ลดลงจากสิ้นปีที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ 0.28 เท่า