“HOTPOT” คาดรายได้ Q2/57 สวยเหตุช่วงเทศกาล-ปิดเทอม สร้างสีสันต่อด้วยเทศกาลอาหารนานาชาติ คาดรายได้ปีโต 15%

ศุกร์ ๒๓ พฤษภาคม ๒๐๑๔ ๑๔:๕๓
สกุณา บ่ายเจริญ” นายหญิงแห่ง HOTPOT มั่นใจผลประกอบการไตรมาส 2/57 ดีกว่าไตรมาส 1/57 เชื่อยอดขายเพิ่มขึ้น เนื่องจากเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นและเป็นช่วงที่มีวันหยุดมาก และบริษัทฯ จัดหนักการตลาดต่อ พร้อมจัดเทศกาลอาหารนานาชาติตลอดเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน จากเดิมมีอาหารนานาชาติกว่า 100 ชนิด เพิ่มเมนูใหม่ 4 สไตล์ ทั้งเมนูใหม่สไตล์เอเชี่ยน อิตาเลี่ยนดั้งเดิม ซูชิ และเมนูขนมหวานแบบเต็มอิ่ม ที่เตรียมพร้อมจัดเสิร์ฟที่ร้าน ฮอท พอท อินเตอร์ บุฟเฟ่ต์ ทุกสาขาอีกด้วย มั่นใจกลยุทธ์การตลาดดันรายได้ทั้งปีโต 15% ตามเป้าที่วางไว้

นางสาวสกุณา บ่ายเจริญ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮอท พอท จำกัด (มหาชน) (HOTPOT) ผู้นำธุรกิจร้านอาหารบุฟเฟต์ สุกี้ ชาบู สไตล์ญี่ปุ่น ภายใต้แบรนด์ ฮอท พอท อินเตอร์ บุฟเฟ่ต์, ฮอทพอท บุฟเฟ่ต์ แวลลู, ฮอท พอทราเมน บุฟเฟ่ต์, ฮอท พอท สุกี้ ชาบู, ฮอท พอท เพรสทีจ และไดโดมอน ซึ่งเป็นอาหารปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่น เปิดเผยถึงทิศทาง การดำเนินงานไตรมาส 2/2557 ว่าจะเติบโตดีกว่าช่วงไตรมาส 1/2557 เชื่อยอดขายเพิ่มขึ้น เนื่องจากเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นและเป็นช่วงที่มีวันหยุดจำนวนมาก พร้อมทั้งเป็นช่วงปิดเทอม นอกจากนี้ ในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน นี้ บริษัทฯ ยังจัดเทศกาลอาหารนานาชาติเพื่อต้อนรับเทศกาลฟุตบอลโลก 2014 โดยมีเมนู 4 สไตล์ ทั้ง เอเชี่ยน อิตาเลี่ยน ซูชิ และขนมหวาน มีอาหารนานาชาติให้เลือกกว่า 100 ชนิด ณ ร้าน ฮอท พอท อินเตอร์ บุฟเฟ่ต์ ทุกสาขา ทั้งยังมองว่าการทำการตลาดและการขยายสาขาเป็นปัจจัยที่สนับสนุนการเติบโตของรายได้ โดยปีนี้วางงบการตลาดราวร้อยละ 3 ของรายได้รวมและมีแผนเปิดสาขาใหม่ประมาณ 15 สาขา ลงทุนราว 7-9 ล้านบาทต่อสาขา

ทั้งนี้บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ปี 2557 เติบโต 15% จากปีก่อนที่มีรายได้ 2,353.68 ล้านบาท สำหรับผลประกอบการงวดไตรมาส 1/2557 (สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2557) ของบริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 582.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62.33 ล้านบาท หรือร้อยละ 11.98 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 520.11 ล้านบาท ส่วนกำไรบริษัทฯ ขาดทุนสุทธิ 5.95ล้านบาท ลดลง 9.53 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีอัตราขาดทุนสุทธิเท่ากับร้อยละ 1.01 เปรียบเทียบกับอัตรากำไรสุทธิในงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งเท่ากับร้อยละ 0.68 ซึ่งสาเหตุที่บริษัทฯ มีผลประกอบ การลดลง เนื่องจากบริษัทมีแผนการขยายส่วนแบ่งตลาดโดยการเปิดสาขาใหม่กับศูนย์การค้าที่มีศักยภาพและความแข็งแกร่ง ที่มีแผนการขยายไปในส่วนภูมิภาคในพื้นที่ที่มีการเจริญเติบโตสูง ซึ่งการเปิดสาขาใหม่ดังกล่าว ส่งผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้กับสาขาของบริษัทที่มีอยู่เดิมในศูนย์การค้าท้องถิ่นที่เคยสร้างยอดขายและผลประกอบการที่ดีให้แก่บริษัท ทำให้บริษัทต้องปิดสาขาดังกล่าว และรับรู้ผลขาดทุนจากการปิดสาขา ประกอบกับบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคที่ได้ผลกระทบจากเหตุความวุ่นวายทางการเมืองที่ยืดเยื้อและยาวนาน แต่หากพิจารณาถึงการเจริญเติบโตที่ยั่งยืนของบริษัทในอนาคตแล้ว บริษัทฯ มั่นใจว่าจะสามารถพลิกฟื้นผลการประกอบการได้ในอนาคตได้

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๒๑ 60 ปีแห่งความมุ่งมั่น! คาโอ คว้ารางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น 2 ประเภทในปี 2567 ชูความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม
๑๗:๒๓ AVATR ก้าวสู่ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่! ระดมทุนในรอบ Series C ได้มากกว่า 11,000 ล้านหยวน พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรูหราแห่งอนาคต
๑๗:๐๖ Zoom เปิด 10 เทรนด์ ใช้ AI ในการทำงานปี 2568
๑๗:๑๐ เปิดมุมมองอาชีพที่หลากหลายในอุตสาหกรรมกาแฟไทย เจาะลึกบทบาทและแนวทางยกระดับสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
๑๗:๑๔ อนาคตแห่งการเดินทาง: 5 คนขับ AI จากแอปเรียกรถ Maxim
๑๗:๕๕ Well-Being House บ้านชั้นเดียวเอาใจคนวัยเกษียณ
๑๗:๑๖ กทม. แจงเปิดกว้างการแข่งขันโครงการเช่าคอมพิวเตอร์พกพาสำหรับนักเรียน
๑๖:๓๗ รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยผู้เริ่มให้บริการ 5G กลุ่มแรกกำลังมุ่งสู่โมเดลธุรกิจที่เน้นประสิทธิภาพ
๑๗:๒๕ เมดีซ กรุ๊ป ร่วมสมทบทุนสนับสนุนมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ช่วยผู้ป่วยในชนบท ถิ่นทุรกันดารที่ห่างไกล
๑๖:๔๔ CNN จับตา นวัตกรรมล่าสุดจากนักวิจัยไทย พลิกโฉมการตรวจคัดกรองความเครียดด้วย เหงื่อ