นายพิษณุ แดงประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีดีไอพี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ “CDIP” ผู้นำในธุรกิจพัฒนาและวิจัยผลิตภัณฑ์ยา และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพแบบครบวงจร เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีแผนที่จะนำบริษัทฯ เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอภายในปีพ.ศ. 2559 โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดหาที่ปรึกษาทางการเงินซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนภายในไตรมาส 3 ปีนี้
สำหรับบริษัท ซีดีไอพี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ “CDIP” ปัจจุบันเป็นผู้ให้บริการผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพครบวงจร เริ่มตั้งแต่การคิดค้นสูตร รับขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์ วิจัยและพัฒนา รับจ้างผลิต ออกแบบบรรจุภัณฑ์ อบรมให้ความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ นอกจากนั้นยังเป็นสื่อกลางในการนำผลงานวิจัย งานนวัตกรรม และภูมิปัญญาไทยสู่เชิงพาณิชย์ ปัจจุบันบริษัทฯ เป็นผู้รับจ้างผลิต (OEM : Origianl Equipment Manufacturer) ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมให้กับแบรนด์อาหารเสริมชั้นนำมากมาย
“ที่ผ่านมาเราได้หารือร่วมกับสำนักงานก.ล.ต.มาอย่างต่อเนื่องเพื่อขอคำแนะนำในการนำ CDIP เข้าตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเลือกที่ปรึกษาทางการเงิน ซึ่งเรามีความมุ่งมั่นที่จะนำ CDIP ซึ่งถือเป็นบริษัทด้านนวัตกรรมของคนไทยแท้ๆ ก้าวไปสู่ตลาดโลก”นายพิษณุ กล่าว
สำหรับเงินที่จะได้จากการระดมทุนนั้นบริษัทฯ จะนำไปใช้สำหรับการจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพใหม่ๆ รวมทั้งปรับปรุงระบบการดำเนินงานภายใน เช่น ระบบโปรแกรมคอมพิวเตอร์ การจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนา ฝึกอบรมพนักงาน และเพื่อนำไปใช้ในการรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต ซึ่งมีแนวโน้มจะเติบโตเป็นอย่างมากในช่วงต่อจากนี้ ตลอดจนใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน
กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีดีไอพี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ “CDIP กล่าวต่อว่า สำหรับผลการดำเนินงานตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมาบริษัทฯ มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปีพ.ศ. 2553 บริษัทฯ มีรายได้ 50 ล้านบาท ปีพ.ศ. 2554 มีรายได้ 60 ล้านบาท ปีพ.ศ. 2555 มีรายได้ 75 ล้านบาท และในปีพ.ศ. 2556 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีรายได้ 134 ล้านบาท ขณะที่ในปีนี้คาดว่าบริษัทฯ จะเติบโตแบบก้าวกระโดด จากการรุกตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยตั้งเป้ารายได้ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท
ทั้งนี้บริษัทฯ เตรียมแผนขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศรองรับโอกาสการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับนักธุรกิจท้องถิ่นในประเทศที่จะเข้าไปลงทุนหลายราย โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ พม่า ลาว กัมพูชา และเวียดนาม เบื้องต้นคาดจะเป็นการ "ร่วมทุน" ซึ่งบริษัทจะเป็นผู้จัดหาสินค้า ขณะที่พันธมิตรท้องถิ่นจะเป็นผู้จัดหาสถานที่ในการจำหน่าย