นายพุทธชาติ รังคสิริ ประธานกรรมการ บริษัท ทีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TWZ ผู้จำหน่ายและให้บริการต่างๆ เกี่ยวกับอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคม เปิดเผยว่า TWZ ได้บรรลุข้อตกลงความร่วมมือกับผู้ประกอบการโทรทัศน์ระบบบอกรับสมาชิก และผู้สร้างสรรค์ รวบรวมคอนเทนต์ (Content Provider) 2 รายใหญ่ของประเทศ คือ บริษัท ซีทีเอช จำกัด (มหาชน) และบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ซึ่งทั้ง 2 รายมีส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 50% ของตลาดที่มีคอนเทนต์เป็นของตัวเอง และเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ด้านบันเทิง กีฬา วาไรตี้ต่างๆ จำนวนมาก โดย TWZ ได้รับแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายแพ็คเกจพร้อมอุปกรณ์รับสัญญาณ ซึ่งนับเป็นก้าวแรกที่ TWZ ได้เข้าสู่ธุรกิจใหม่ สอดรับกับยุคเปลี่ยนผ่านของทีวีระบบอนาล็อกสู่ระบบดิจิตอล
สำหรับการทำตลาดให้กับ CTH และ GMM นั้น TWZ จะนำสินค้าในกลุ่มสมาร์ทโฟน แท็บเลต และแก็ตเจ็ตต่างๆ มาร่วมจัดทำแพ็คเกจเพื่อกระตุ้นการขาย ประกอบกับกระแสของทีวีดิจิตอล ซึ่งสมาชิก CTH และ GMM จะสามารถดูทีวีดิจิตอลผ่านดาวเทียมได้ทันที ไม่ต้องรอการวางโครงข่ายภาคพื้นดิน ซึ่งกว่าจะครอบคลุมทั่วประเทศต้องใช้เวลาอีกเป็นปี ก็เป็นปัจจัยหนุนอีกประการหนึ่งที่จะช่วยให้ขายแพ็คเกจได้มากขึ้น
“จากตัวเลขผู้ที่ติดตั้งทีวีดาวเทียมและทีวีระบบบอกรับสมาชิกอื่นๆ ที่มีจำนวนรวมกว่า 17 ล้านครัวเรือน ถือเป็นกลุ่มลูกค้าที่ใหญ่มากที่เราจะสามารถขายแพ็คเกจของ CTH และ GMM โดยเราจัดแพคเกจที่มีความคุ้มค่าสำหรับผู้บริโภคอย่างมาก เพราะจ่ายเพิ่มเพียงเล็กน้อย แต่สามารถดูคอนเทนต์คุณภาพระดับโลกได้
เพิ่มขึ้นอีกมากมายหลายช่อง โดยในปีนี้ TWZ ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 1 ล้านครัวเรือน คิดเป็น 6% ของจำนวนกว่า 17 ล้านครัวเรือน ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มรายได้ให้กับ TWZ ในปีนี้ได้ไม่น้อยกว่า 10% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา”
และในส่วนของช่องทางจำหน่าย TWZ ได้ร่วมมือเป็นพันธมิตรกับ HomePro ที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศ เกือบ 90 สาขา จากที่ TWZ มีความแข็งแกร่งด้านช่องทางการจำหน่าย ทั้งร้านเทเลวิซ ร้านทีดับบลิวแซด และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศอีกกว่า 400 ราย การเข้าร่วมกับพันธมิตรรายใหญ่อย่างโฮมโปรที่มีฐานลูกค้าประจำทั่วประเทศมากกว่า 2 ล้านราย เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่เราจะเข้าไปตั้งจุดขายและจุดบริการ ซึ่งเชื่อว่าเป็นจุดขายที่มีศักยภาพ
นายพุทธชาติ กล่าวด้วยว่า ช่วงครึ่งปีหลังของปี 2557 นี้ TWZ จะมีการขยายธุรกิจทั้งแนวราบและแนวดิ่งในหลายด้าน โดยในส่วนของการจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ สมาร์ทโฟน แท็บเลต อุปกรณ์เสริม และสินค้าแก็ตเจ็ตต่างๆ ก็ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่จูงใจผู้บริโภคมากขึ้น ทั้งในด้านการออกแบบและฟังก์ชั่นการใช้งาน ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ TWZ จำหน่ายนั้น สามารถตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค และมีความคุ้มค่าด้านราคา จึงเป็นกลุ่มสินค้าที่ยังทำยอดขายได้ดีอย่างต่อเนื่อง
ส่วนสินค้าอีกกลุ่มหนึ่งของ TWZ คือการเป็นตัวแทนจำหน่ายอินเทอร์เน็ต บรอดแบนด์ รูปแบบใหม่ของ AIS มีความเร็วในการอัพโหลดถึง 4 Mb นอกจากนี้ TWZ ยังได้เข้าสู่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซอย่างเต็มตัว ภายใต้ชื่อ TWZ-HUB
นอกจากนี้ TWZ ยังได้เตรียมความพร้อมของระบบต่างๆ ที่จะรองรับการแลกคูปองทีวีดิจิตอลที่ กสทช. จะแจกให้กับ 22 ล้านครัวเรือนอีกด้วย โดยบริษัทฯ จะใช้ช่องทางขายที่มีอยู่ทั่วประเทศให้บริการในส่วนนี้ด้วย ซึ่งก็จะเป็นช่องทางการเพิ่มรายได้ให้กับ TWZ อีกทางหนึ่ง
ประธานกรรมการ บมจ.ทีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่น กล่าวอีกว่า จากโอกาสทองของธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมที่เข้าสู่ยุคเฟื่องฟู ซึ่งเป็นโอกาสในการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของ TWZ ดังนั้น ความพร้อมด้านเงินทุนที่แข็งแกร่งจึงเป็นสิ่งจำเป็น บริษัทฯ จึงได้ระดมทุนจากผู้ถือหุ้นเดิมโดยออกหุ้นเพิ่มทุน 800 ล้านหุ้น ในสัดส่วน 3 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นเพิ่มทุน ราคาหุ้นละ 0.35 บาท และแถมวอร์แรนท์ฟรี 1 หน่วยให้กับ 2 หุ้นเพิ่มทุนด้วย ซึ่งคาดว่าจะได้เงินเพิ่มทุน 280 ล้านบาท โดยผู้ถือหุ้นเดิมจะต้องชำระเงินซื้อหุ้นเพิ่มทุนในระหว่างวันที่ 26-30 พฤษภาคมนี้
“แม้ว่าในช่วงนี้จะมีปัจจัยทางการเมืองเข้ามากระทบ แต่ทางบริษัทฯ ก็ไม่กังวลว่าหุ้นเพิ่มทุนจะขายไม่หมด เนื่องจาก ผลประกอบการที่แข็งแกร่งและทิศทางในอนาคตที่สดใสของ TWZ ทั้งในการขยายธุรกิจใหม่ๆและการรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้นในปีนี้จากธุรกิจเดิม ผู้ถือหุ้นที่จองซื้อหุ้นเพิ่มทุนในคราวนี้น่าจะได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการจองซื้อ ทั้งจากราคาที่จองซื้อและผลตอบแทนจากการแจกวอร์แรนท์ให้แก่ผู้ถือหุ้นที่จองซื้อหุ้นเพิ่มทุน โดยวอร์แรนท์ดังกล่าวมีราคาแปลงสภาพเพียง 0.30 บาท มีอายุ 3 ปี คาดว่าน่าจะได้รับความสนใจจากผู้ถือหุ้นเดิมเป็นจำนวนมาก และในคราวนี้ทางบริษัทฯ ยังให้โอกาสผู้ถือหุ้นเดิมสามารถจองเกินสิทธิได้อีกด้วย ซึ่งหากมีการจองซื้อมามากกว่าจำนวนหุ้นที่ออก ทางบริษัทฯ ก็จะจัดสรรให้ตามสัดส่วนหุ้นเดิมที่ผู้ถือหุ้นมีอยู่ก่อนจองซื้อต่อไป” นายพุทธชาติ กล่าว
ทั้งนี้ เงินเพิ่มทุนส่วนหนึ่ง จำนวนประมาณ 100 ล้านบาท จะนำไปใช้ในโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ซึ่งจะสร้างอาคารชุดพักอาศัยสูง 8 ชั้น มูลค่าประมาณ 500 ล้านบาท ในทำเลที่ดีมาก เนื่องจากอยู่ติดชายทะเล และใกล้เมือง ซึ่งขณะนี้ผ่านการพิจารณาเห็นชอบจากคณะกรรมการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมแล้ว คาดว่าจะเปิดโครงการได้ในเดือนตุลาคมนี้ และจะแล้วเสร็จปลายปี 2558 เริ่มรับรู้รายได้ต้นปี 2559
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีสิทธิการเช่าที่ดินริมถนนรัชดาภิเษก เนื้อที่ประมาณ 6,126 ตารางเมตร เป็นทำเลที่ดีติดสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินรัชดาภิเษก ได้ก่อสร้างโฮมออฟฟิศ และอาคารสำนักงานเพื่อการพาณิชย์ และยังมีสิทธิการเช่าที่ดินแปลงติดกัน เนื้อที่อีกประมาณ 5,909.20 ตารางเมตร ซึ่งเป็นของบริษัทย่อยของ TWZ คือบริษัท ปิยะชาติ จำกัด เป็นโครงการอาคารสำนักงาน จำนวน 25 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 300 ล้านบาท ซึ่งในปีนี้คาดว่าจะรับรู้รายได้จากโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์กว่า 250 ล้านบาท