ผลสำรวจล่าสุดชี้ว่า พ่อแม่ชาวไทยมีความคาดหวังสูงต่อประโยชน์ที่บุตรของพวกเขาจะได้รับจากการใช้งานอินเตอร์เน็ตอย่างอีเมล์และการแบ่งปันข้อมูลในโรงเรียน แต่พ่อแม่ส่วนใหญ่เชื่อว่าบริษัทผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต ต้องไม่ได้รับอนุญาตให้ทำการโฆษณาออนไลน์หรือทำเหมืองข้อมูลจากข้อมูลส่วนตัวของเด็กนักเรียน
ดร. นคร เสรีรักษ์ ร่วมกับ SafeGov.org องค์กรระหว่างประเทศที่ไม่แสวงหาผลกำไร ตีพิมพ์ผลการสำรวจเชิงลึก เกี่ยวกับมุมมองของพ่อแม่ชาวไทยที่มีต่อประโยชน์ด้านการศึกษาและภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นกับข้อมูลส่วนบุคคลของเด็กนักเรียนจากการใช้งานอินเตอร์เน็ตในโรงเรียน ดร. นคร เป็นผู้ก่อตั้งฟอรั่มไพรเวซี่ไทยแลนด์ และเป็นที่ปรึกษานโยบายเครือข่ายพลเมืองเน็ตของประเทศไทย (Thai Netizen Network) และเคยดำรงตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนกลยุทธ์และผู้อำนวยการสำนักอำนวยการสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส
ผลสำรวจพบว่า พ่อแม่ชาวไทยเกือบทั้งหมดเห็นด้วยกับการใช้งานอินเตอร์เน็ตในโรงเรียนและเล็งเห็นถึงประโยชน์ที่เด็กจะได้รับจากการใช้อินเตอร์เน็ต พ่อแม่ 90 เปอร์เซ็นต์คิดว่าการใช้อินเตอร์เน็ตในโรงเรียนจะช่วยให้เด็กมีความคิดสร้างสรรค์ เรียนรู้วิธีการแก้ไขปัญหาและการคิดวิเคราะห์ มากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์เชื่อว่าอินเตอร์เน็ตจะช่วยให้บุตรหลาน มีทักษะที่จำเป็นต่อการแข่งขันบนเวทีเศรษฐกิจโลกในศตวรรษที่ 21 ตลอดจนส่งเสริมการเรียนวิชาทั่วไปอย่างวิทยาศาสตร์และภาษาต่างประเทศ พ่อแม่ชาวไทยส่วนใหญ่คาดหวังว่าอินเตอร์เน็ตในห้องเรียนจะช่วยให้ลูกของพวกเขาเข้าสู่ระดับมหาวิทยาลัยหรืออนุปริญญาได้
อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจยังระบุว่าพ่อแม่ชาวไทยตระหนักถึงด้านลบของการใช้งานอินเตอร์เน็ตในโรงเรียน โดยเฉพาะการมีโฆษณาออนไลน์หรือการ “ทำเหมืองข้อมูล” จากข้อมูลส่วนบุคคลของเด็ก พ่อแม่ 87 เปอร์เซ็นต์ มีความกังวลว่าพฤติกรรมออนไลน์ของบุตรจะถูกติดตามเพื่อใช้แสวงหาผลกำไรโดยบริษัทผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตที่พึ่งพาการโฆษณา อย่างไรก็ตาม พ่อแม่ 66 เปอร์เซ็นต์เชื่อว่าโรงเรียนมีสิทธิ์ที่จะรับบริการอินเตอร์เน็ตโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายจากบริษัทผู้ให้บริการ พ่อแม่ 93 เปอร์เซ็นต์ต้องการให้โรงเรียนสร้างความเชื่อมั่นว่าจะห้ามการโฆษณาทุกรูปแบบในโรงเรียน พ่อแม่ 83 เปอร์เซ็นต์ต้องการให้รัฐบาลบังคับใช้กฎหมายที่ห้ามการโฆษณาออนไลน์ในโรงเรียน และอนุญาตให้พ่อแม่ผู้ปกครองสามารถควบคุมข้อมูลที่บริษัทอินเตอร์เน็ตเก็บรวบรวมจากบุตรหลานของพวกเขาได้อย่างเต็มที่
“พ่อแม่ผู้ปกครองควรเข้ามามีส่วนร่วมตรวจสอบและหารือว่า โรงเรียนมีมาตรการเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของเด็กอย่างไร เพราะกฎหมายไทยไม่ได้ปกป้องความเป็นส่วนตัวของบุตรหลานของพวกเขา” ดร.นคร เสรีรักษ์ กล่าว “พ่อแม่รู้ว่าสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูกคืออะไร พวกเขาไม่ควรปล่อยให้ข้อมูลของลูกถูกขายให้แก่บริษัทบุคคลที่สาม”
มร. เจฟฟ์ กูลด์ แห่ง SafeGov ให้ความเห็นว่า “SafeGov ยินดีที่ได้มีส่วนร่วมในการสำรวจความเห็นของพ่อแม่ชาวไทย ที่มีความสำคัญในครั้งนี้ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูลส่วนบุคคลชั้นแนวหน้าที่ทุ่มเทเพื่อการศึกษามาโดยตลอด การเก็บข้อมูลครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการสำรวจข้อมูลด้านการศึกษา ที่เราทำมาอย่างต่อเนื่องทั่วโลก ทั้งในยุโรป เอเชีย และอเมริกา ผลลัพธ์ที่ได้เป็นการยืนยันอย่างหนักแน่นว่าพ่อแม่ชาวไทย มีความคิดเห็นเหมือนกับพ่อแม่ในทุกประเทศที่เราทำการสำรวจ ซึ่งมีความหวังสูงสุดในการใช้งานอินเตอร์เน็ตในโรงเรียน แต่ปฏิเสธอย่างแข็งขันไม่ให้มีการโฆษณาออนไลน์ในห้องเรียนหรือการเก็บรวบรวมข้อมูลนักเรียนเพื่อใช้งานเชิงพาณิชย์”
การสำรวจครั้งนี้ ทำการสอบถามความคิดเห็นของพ่อแม่ชาวไทย 300 คนที่มีบุตรอยู่ในวัยเรียน โดยได้รับการสนับสนุนจาก SafeGov.org องค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรที่สนับสนุนความปลอดภัย และความมั่นคงของการใช้งานระบบประมวลผลแบบคลาวด์ในโรงเรียน หน่วยงานรัฐบาลและสถาบันสาธารณะทั่วโลก