ฟิทช์ประกาศคงอันดับเครดิตของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ 4 แห่งของประเทศไทย และบริษัทลูกของธนาคาร

พฤหัส ๒๙ พฤษภาคม ๒๐๑๔ ๑๒:๑๕
ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศคงอันดับเครดิตของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ 4 แห่ง ของประเทศไทยและบริษัทลูก (subsidiary) ของธนาคาร 3 บริษัท อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว (Long-Term IDR) ของ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK และ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ได้รับการคงอันดับที่ ‘BBB+’ และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-Term Rating) ได้รับการคงอันดับที่ ‘AA(tha)’ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB ได้รับการคงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวที่ ‘BBB’ และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ ‘AA+(tha)’ ธนาคารทั้ง 4 แห่งมีแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

พร้อมกันนี้ ฟิทช์ ยังประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของบริษัทลูกของธนาคารพาณิชย์ 3 แห่ง ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KS บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ จำกัด หรือ SCBS และ บริษัทกรุงไทยลีสซิ่ง จำกัด หรือ KTBL ที่ ‘AA-(tha)’

รายละเอียดอันดับเครดิตทั้งหมดได้แสดงไว้ในส่วนท้าย

ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต – อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศ อันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน อันดับเครดิตภายในประเทศ และอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ

อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศและอันดับเครดิตภายในประเทศของ BBL KBANK และ SCB พิจารณาจากอันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน (Viability Rating หรือ VR) ของธนาคาร ในขณะที่อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศของ KTB มีปัจจัยสนับสนุนจากอันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำของธนาคาร

อันดับเครดิตภายในประเทศของ KS SCBS และ KTBL สะท้อนถึงความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ต่อธนาคารแม่ของแต่ละบริษัท และจากสาเหตุดังกล่าวอันดับเครดิตของ KS และ SCBS มีอันดับเครดิตที่ต่ำกว่าธนาคารแม่หนึ่งระดับและ KTBL มีอันดับเครดิตที่ต่ำกว่าธนาคารแม่สองระดับ

อันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิของ BBL KBANK SCB และ KTB อยู่ในระดับเดียวกับอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวหรืออันดับเครดิตภายในประเทศของธนาคาร เนื่องจากหนี้สินดังกล่าวเป็นภาระผูกพันที่ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิของธนาคาร

อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคารสะท้อนถึงเครือข่ายธุรกิจ (franchise) ในประเทศที่แข็งแกร่ง ฐานะเงินกองทุนที่ดี และระดับการสำรองหนี้สงสัยจะสูญที่อยู่ในระดับที่ยอมรับได้

ฟิทช์คาดว่าสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานจะมีความท้าทายมากขึ้นในอนาคต ซึ่งอาจส่งผลต่อผลการดำเนินงานของธนาคารทั้ง 4 แห่ง เศรษฐกิจของประเทศไทยอาจต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยในไตรมาสแรกของปี 2557 ได้เริ่มมีสัญญาณการปรับตัวแย่ลงของคุณภาพสินทรัพย์ในระบบธนาคาร อย่างไรก็ตาม ฟิทช์เชื่อว่าสถานะทางการเงินของธนาคารทั้ง 4 แห่งยังคงอยู่ในระดับที่ยอมรับได้และน่าจะเพียงพอสำหรับการรับมือการชะลอตัวทางเศรษฐกิจที่อยู่ในระดับปกติตามวัฎจักรเศรษฐกิจได้

ฟิทช์คาดว่าสถานะเครดิตของ BBL น่าจะยังคงอยู่ในระดับดีแม้ต้องเผชิญความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากธนาคารมีฐานะเงินกองทุนที่แข็งแกร่งและมีอัตราส่วนการสำรองหนี้สงสัยจะสูญในระดับที่สูง แม้ว่า BBL จะมีการกระจุกตัวของสินเชื่อธุรกิจในระดับที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่อื่นในประเทศไทย อัตราส่วนเงินกองทุนของ BBL ยังคงอยู่ในระดับที่สูง โดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ (Core Tier 1) อยู่ที่ 14.3% ณ สิ้นปี 2556 ในขณะเดียวกัน BBL ยังคงมีอัตราส่วนสำรองหนี้สูญต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ในระดับสูงที่ 214% ณ สิ้นปี 2556 ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดเมื่อเทียบกับธนาคารอื่นในประเทศไทย

ฟิทช์เชื่อว่าการที่ KBANK มีพอร์ทสินเชื่อที่มีการกระจายความเสี่ยงที่ดี (well-diversified) และมีระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้อยู่ในระดับปานกลาง ซึ่งสะท้อนได้จากการเติบโตของสินเชื่อในระดับที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับธนาคารอื่นในประเทศไทยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ปัจจัยเหล่านี้น่าจะช่วยให้ธนาคารสามารถรองรับความเสี่ยงจากคุณภาพสินทรัพย์ที่อาจปรับตัวอ่อนแอลงในอนาคต

อันดับเครดิตของ SCB สะท้อนถึงเครือข่ายของธนาคารที่แข็งแกร่งโดยเฉพาะในด้านลูกค้าบุคคล และผลการดำเนินงานที่ดี แม้ว่าธนาคารมีการเติบโตที่สูงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ยังสามารถรักษาฐานะเงินกองทุนไว้ในระดับที่ยอมรับได้ และได้มีการเพิ่มระดับการสำรองหนี้สงสัยจะสูญเพื่อป้องกันความเสี่ยงในด้านคุณภาพสินทรัพย์

อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ KTB อยู่ในระดับต่ำกว่าอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคารใหญ่อีก 3 แห่งอยู่สองอันดับ สะท้อนถึงผลการดำเนินงานและผลการประกอบการที่อ่อนแอกว่า รวมทั้งการที่ KTB มีสถานะเป็นธนาคารรัฐจึงอาจจะต้องให้การสนับสนุนนโยบายรัฐ (แม้ว่าที่ผ่านมา KTB ได้มีการดำเนินธุรกิจในเชิงพาณิชย์มากขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง) ขณะที่อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญหลายตัวของ KTB ได้ปรับตัวดีขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ว่าอัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ เช่น อัตราส่วนในด้านคุณภาพสินทรัพย์และระดับหนี้สินยังคงอยู่ในระดับใกล้เคียงกับธนาคารในต่างประเทศที่มีอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินที่ bbb-

ปัจจัยที่อาจส่งผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต – อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศ อันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน อันดับเครดิตภายในประเทศ และอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ

การชะลอตัวอย่างรุนแรงที่ส่งผลให้สภาวะเศรษฐกิจอ่อนแอลงอย่างต่อเนื่องอาจส่งผลกระทบในด้านลบต่อคุณภาพสินทรัพย์และผลการดำเนินงานของธนาคารที่มากกว่าที่คาดการณ์ ระดับหนี้สินที่เพิ่มขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมาของภาคเอกชนโดยเฉพาะภาคครัวเรือนอาจส่งผลทางลบต่อธุรกิจและผู้บริโภคในกรณีที่เศรษฐกิจมีการชะลอตัวลงอย่างรุนแรง ในกรณีที่ฟิทช์เชื่อว่าภาวะดังกล่าวจะส่งผลกระทบด้านลบต่อระดับเงินสำรองกองทุนของธนาคารอย่างมีนัยสำคัญ ฟิทช์อาจปรับลดอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคารทั้ง 4 แห่ง และจะส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศและอันดับเครดิตภายในประเทศของ BBL KBANK และ SCB ภาวะการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจที่รุนแรงขึ้นและมีระยะเวลาที่นานขึ้น ที่เกิดจากปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับความไม่สงบทางการเมืองในปัจจุบัน อาจส่งผลในด้านลบต่อคุณภาพสินทรัพย์และความสามารถในการรองรับความเสี่ยงของธนาคาร

การปรับลดอันดับเครดิตประเทศไทยอาจส่งผลกระทบทางลบต่ออันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ BBL KBANK และ SCB เนื่องจากธนาคารเหล่านี้มีอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินอยู่ในระดับเดียวกับประเทศไทย

ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต – อันดับเครดิตสนับสนุน (Support Rating) และ อันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำ (Support

Rating Floor)

อันดับเครดิตสนับสนุนและอันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำของธนาคารทั้ง 4 แห่ง สะท้อนถึงการที่ธนาคารดังกล่าว มีความสำคัญต่อระบบธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทย เนื่องจากธนาคารทั้ง 4 แห่งมีสัดส่วนทางการตลาดรวมกันมากกว่า 60% ของระบบธนาคารพาณิชย์ในด้านเงินฝากและสินเชื่อ

อันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำของ KTB ที่ ‘BBB’ อยู่สูงกว่าธนาคารอีก 3 แห่ง หนึ่งอันดับ สะท้อนถึงการที่ KTB มีความสำคัญในเชิงกลยุทย์ต่อรัฐบาลไทย โดย KTB เป็นเพียงธนาคารพาณิชย์แห่งเดียวที่รัฐบาลเป็นผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ ทั้งยังมีการควบคุมกำกับอย่างใกล้ชิดโดยกระทรวงการคลัง

ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต – อันดับเครดิตสนับสนุน และ อันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำ

การปรับตัวลดลงของแนวโน้มที่รัฐบาลจะให้การสนับสนุนแก่ธนาคารพาณิชย์ที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจและการเงินของประเทศไทย อาจส่งผลให้อันดับเครดิตสนับสนุนและอันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำถูกปรับลดอันดับ อย่างไรก็ตามฟิทช์มองว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่น่าจะเกิดขึ้นในระยะปานกลาง นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงของอันดับเครดิตของประเทศไทยอาจส่งผลให้อันดับเครดิตสนับสนุนและอันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำถูกปรับลดลงได้เช่นกัน

ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต – หุ้นกู้ด้อยสิทธิ

หุ้นกู้ด้อยสิทธิสกุลเงินเหรียญสหรัฐฯ ของ BBL มีอันดับเครดิตต่ำกว่าอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศของธนาคารอยู่ 1 อันดับ และอันดับเครดิตภายในประเทศของหุ้นกู้ด้อยสิทธิสกุลเงินบาทของธนาคารทั้ง 4 แห่ง มีอันดับเครดิตต่ำกว่าอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวอยู่ 1 อันดับ เนื่องจากหุ้นกู้ดังกล่าวมีลักษณะด้อยสิทธิในโครงสร้างเงินทุน (capital structure) และสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ของฟิทช์ในการจัดอันดับเครดิตตราสารประเภทดังกล่าว ทั้งนี้หุ้นกู้ดังกล่าวเป็นหุ้นกู้เดิมที่ธนาคารได้เสนอขายไปแล้วและไม่ได้มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ Basel III

ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต – หุ้นกู้ด้อยสิทธิ

อันดับเครดิตของหุ้นกู้ด้อยสิทธิของธนาคารทั้ง 4 แห่ง จะได้รับผลกระทบหากมีการเปลี่ยนแปลงในอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวหรืออันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของธนาคาร

ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต – ตราสารหนี้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 (Hybrid Tier 1)

อันดับเครดิตสากลของตราสารหนี้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 ของ KTB ที่ ‘B’ อยู่ต่ำกว่าอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคาร 5 อันดับ ซึ่งสะท้อนถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการดำเนินงานของธนาคาร (going concern) เนืองจากตราสารดังกล่าวมีคุณสมบัติที่สามารถงดการจ่ายดอกเบี้ยได้ถ้าธนาคารมีผลขาดทุน (non-cumulative coupon deferral feature) อันดับเครดิตภายในประเทศของตราสารหนี้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 เป็นไปตามหลักเกณฑ์การพิจาณาอันดับเครดิตสากลของตราสารประเภทดังกล่าว ซึ่งจะอ้างอิงจากอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินเช่นกัน

ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต – ตราสารหนี้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1

การเปลี่ยนแปลงในอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ KTB จะส่งผลให้อันดับเครดิตของตราสารหนี้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 เปลี่ยนไปในทิศทางเดียวกัน

รายละเอียดของอันดับเครดิตทั้งหมดมีดังนี้

BBL:

- อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว คงอันดับที่ ‘BBB+’; แนวโน้มอันดับเคดริตมีเสถียรภาพ

- อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้น คงอันดับที่ ‘F2’

- อันดับความเข็งแกร่งทางการเงิน คงอันดับที่ ‘bbb+’

- อันดับเครดิตสนับสนุน คงอันดับที่ ‘2’

- อันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำคงอันดับที่ ‘BBB-’

- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว คงอันดับที่ ‘AA(tha)’; แนวโน้มอันดับเคดริตมีเสถียรภาพ

- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น คงอันดับที่ ‘F1+(tha)’

- อันดับเครดิตสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของโครงการหุ้นกู้ GMTN ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน มูลค่า 3 พันล้านเหรียญหสหรัฐฯ คงอันดับเครดิตที่ ‘BBB+’

- อันดับเครดิตสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน คงอันดับที่ ‘BBB+’

- อันดับเครดิตสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ด้อยสิทธิ คงอันดับที่ ‘BBB’

- อันดับเครดิตภายในประเทศของหุ้นกู้ด้อยสิทธิ คงอันดับที่ ‘AA-(tha)’

KBank:

- อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว คงอันดับที่ ‘BBB+’; แนวโน้มอันดับเคดริตมีเสถียรภาพ

- อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้น คงอันดับที่ ‘F2’

- อันดับความเข็งแกร่งทางการเงิน คงอันดับที่ ‘bbb+’

- อันดับเครดิตสนับสนุน คงอันดับที่ ‘2’

- อันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำคงอันดับที่ ‘BBB-’

- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว คงอันดับที่ ‘AA(tha)’; แนวโน้มอันดับเคดริตมีเสถียรภาพ

- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น คงอันดับที่ ‘F1+(tha)’

- อันดับเครดิตสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ของโครงการหุ้นกู้ EMTN มูลค่ารวม 2.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ คงอันดับเครดิตที่ ‘BBB+’

- อันดับเครดิตสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน คงอันดับที่ ‘BBB+’

- อันดับเครดิตภายในประเทศของหุ้นกู้ระยะสั้น ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน คงอันดับที่ ‘F1+(tha)’

- อันดับเครดิตภายในประเทศของหุ้นกู้ด้อยสิทธิ คงอันดับที่ ‘AA-(tha)’

SCB:

- อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว คงอันดับที่ ‘BBB+’; แนวโน้มอันดับเคดริตมีเสถียรภาพ

- อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้น คงอันดับที่ ‘F2’

- อันดับความเข็งแกร่งทางการเงิน คงอันดับที่ ‘bbb+’

- อันดับเครดิตสนับสนุน คงอันดับที่ ‘2’

- อันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำคงอันดับที่ ‘BBB-’

- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว คงอันดับที่ ‘AA(tha)’; แนวโน้มอันดับเคดริตมีเสถียรภาพ

- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น คงอันดับที่ ‘F1+(tha)’

- อันดับเครดิตสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ของโครงการหุ้นกู้ MTN มูลค่ารวม 3.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ คงอันดับเครดิตที่ ‘BBB+’

- อันดับเครดิตสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน คงอันดับที่ ‘BBB+’

- อันดับเครดิตภายในประเทศของหุ้นกู้ระยะสั้น ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน คงอันดับที่ ‘F1+(tha)’

- อันดับเครดิตภายในประเทศของหุ้นกู้ด้อยสิทธิ คงอันดับที่ ‘AA-(tha)’

KTB:

- อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว คงอันดับที่ ‘BBB’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

- อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้น คงอันดับที่ ‘F3’

- อันดับเครดิตความแข็งแกร่งทางการเงิน คงอันดับที่ ‘bbb-’

- อันดับเครดิตสนับสนุน คงอันดับที่ ‘2’

- อันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำ คงอันดับที่ ‘BBB’

- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว คงอันดับที่ ‘AA+(tha)’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น คงอันดับที่ ‘F1+(tha)’

- อันดับเครดิตสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ของโครงการห้นกู้ EMTN มูลค่า 2.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ คงอันดับที่ ‘BBB’

- อันดับเครดิตสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน คงอันดับที่ ‘BBB’

- อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศของตราสารหนี้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 (Hybrid Tier 1 Securities) คงอันดับที่ ‘B’

- อันดับเครดิตภายในประเทศของโครงการห้นกู้ระยะสั้น มูลค่า 30 พันล้านบาทคงอันดับที่ ‘F1+(tha)’

- อันดับเครดิตภายในประเทศของหุ้นกู้ด้อยสิทธิ คงอันดับที่ ‘AA(tha)’

- อันดับเครดิตภายในประเทศของตราสารหนี้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้น คงอันดับที่ 1 (Hybrid Tier 1 Securities) ที่ ‘BBB(tha)’

KS:

- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว คงอันดับที่ ‘AA-(tha)’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น คงอันดับที่ ‘F1+(tha)’

SCBS:

- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว คงอันดับที่ ‘AA-(tha)’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น คงอันดับที่ ‘F1+(tha)’

KTBL:

- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว คงอันดับที่ ‘AA-(tha)’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น คงอันดับที่ ‘F1+(tha)’

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๑ ม.ค. รู้จักโรคอ้วนดีแล้ว.จริงหรือ?
๓๑ ม.ค. บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี ร่วมกับ MBK ส่งมอบปฏิทินในกิจกรรม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ
๓๑ ม.ค. BSRC ออกหุ้นกู้รอบใหม่ 8,000 ล้านบาท ยอดจองเกินเป้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน
๓๑ ม.ค. คปภ. ร่วมสัมมนาประกันภัย ครั้งที่ 29 เตรียมรับมือความเสี่ยงอุบัติใหม่ พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยสู่ความท้าทายในอนาคต
๓๑ ม.ค. มอบของขวัญให้กับครอบครัวของคุณช่วงวันหยุดพิเศษที่ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท
๓๑ ม.ค. OR เปิดตัว CEO คนใหม่ หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ มุ่งผลักดันไทยสู่ Oil Hub แห่งภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล-นวัตกรรม
๓๑ ม.ค. เดลต้า ประเทศไทย คว้ารางวัล ASEAN's Top Corporate Brand ประจำปี 2567
๓๑ ม.ค. โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 พลิกโฉมใหม่ สุดโมเดิร์น! พร้อมเปิดตัว w xyz bar ตอกย้ำความสนุกในแบบฉบับ
๓๑ ม.ค. PAUL JOE เปิดตัว GLOSSY ROUGE ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ 2025
๓๑ ม.ค. บริษัท โกซอฟท์ (ประเทศไทย) ได้รับเกียรติบัตรศูนย์ รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคระดับดีเด่น จาก สคบ. และการรับรองมาตรฐาน ISO