ปัจจัยพื้นฐาน GL เปลี่ยน ยอดขายและกำไรพุ่งรับเศรษฐกิจรากหญ้าฟื้นตัว

พฤหัส ๒๙ พฤษภาคม ๒๐๑๔ ๑๓:๔๓
บมจ.กรุ๊ปลีส หนึ่งในผู้นำผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ รับอานิสงส์เศรษฐกิจรากหญ้าฟื้นตัว หลัง คสช. อัดฉีดเม็ดเงินเกือบแสนล้านจ่ายค่าจำนำข้าวชาวนา เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญทำให้ปัจจัยพื้นฐานพลิกฟื้น คาดยอดขายและกำไรพุ่งในครึ่งปีหลัง

นายมิทซึจิ โคโนชิตะ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL หนึ่งในผู้นำผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ กล่าวว่า ภายหลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยึดอำนาจบริหารราชการแผ่นดิน นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญทำให้ปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯ พลิกฟื้นดีขึ้นเป็นอย่างมาก เนื่องจากเศรษฐกิจในภูมิภาคต่างจังหวัดสามารถกลับมาขับเคลื่อนได้อย่างปกติจากนโยบายเร่งด่วนของ คสช. ในการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเร่งรัดชำระค่าจำนำข้าวที่ค้างจ่ายชาวนามาเป็นเวลานาน

ทั้งนี้ คาดว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนี้ จะเริ่มส่งผลดีต่อยอดขายและผลกำไรของบริษัทฯ อย่างเต็มที่ในครึ่งปีหลัง ซึ่งจะทำให้ผลประกอบการโดยรวมของปีนี้เติบโตดีขึ้นเป็นอย่างมาก ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังได้รับอานิสงส์เพิ่มเติมจากธุรกิจในกัมพูชา ที่ได้ผ่านพ้นจุดคุ้มทุนตั้งแต่สิ้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และเริ่มทำผลกำไรอย่างเป็นกอบเป็นกำนับจากนี้ไป

นายมิทซึจิ ชี้แจงว่า ตลอดช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวที่ผ่านมา บริษัทฯ ยังรุกเดินหน้าขยายธุรกิจเพื่อผลักดันยอดขายอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่บริษัทฯ อื่นๆ อาจชะลอตัวตามเศรษฐกิจหรือปรับลดยอดขายลงด้วยซ้ำ

“นโยบายของเรามุ่งเน้นการขยายยอดขาย ถึงแม้ในจังหวะเวลาที่ไม่ดี เพื่อที่เราจะสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ หลังจากที่สถานการณ์ต่างๆ กลับเข้าสู่ภาวะปกติ จริงอยู่ว่า การเพิ่มยอดขายต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นตาม แต่เราก็จะสามารถทำยอดกำไรเพิ่มขึ้นได้ในภายหลัง” นายมิทซึจิ กล่าว ร

สำหรับยอดรายได้จากการเช่าซื้อเพิ่มขึ้น 30% ในไตรมาสที่ 1/57 และบริษัทฯ ยังเดินหน้าขยายยอดขายต่อเนื่องในอัตราใกล้เคียงกันในไตรมาสนี้ และคาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นมากกว่า 40% ในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ปีนี้ หลังจากที่เศรษฐกิจในภูมิภาคต่างจังหวัดเริ่มฟื้นตัว จากการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ภาคการเกษตรและธุรกิจเอสเอ็มอีของ คสช.

GL รายงานผลประกอบการที่ทรุดต่ำลงในไตรมาสที่ 1/57 โดยมีกำไรสุทธิลดลงเหลือ 10.76 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากยอดกำไรสุทธิที่สูงถึง 90.63 ล้านบาทในไตรมาส 1 ของปีที่แล้ว เนื่องจากต้องตั้งสำรองหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญเป็นจำนวนมาก จากปัจจัยการผิดนัดชำระงวดของลูกค้า โดยการตั้งสำรองดังกล่าวเพิ่มขึ้นจาก 60.82 ล้านบาท ในไตรมาส 1 ปีที่แล้ว มาเป็น 120.98 ล้านบาท ในไตรมาส 1 ปีนี้

นายมิทซึจิ กล่าวแสดงความเชื่อมั่นว่า เงินสำรองที่ตั้งไว้สูงมากในไตรมาส 1 ปีนี้นั้น สุดท้ายแล้ว จะสามารถทยอยกลับมาบันทึกใหม่เป็นกำไร หลังจากที่สถานการณ์เศรษฐกิจกลับคืนเข้าสู่ภาวะปกติ และลูกค้าสามารถกลับมาชำระค่างวดได้ตามกำหนด ซึ่งภาวะเช่นนี้น่าจะเริ่มเกิดขึ้นได้ในครึ่งปีหลัง

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๒๑ 60 ปีแห่งความมุ่งมั่น! คาโอ คว้ารางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น 2 ประเภทในปี 2567 ชูความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม
๑๗:๒๓ AVATR ก้าวสู่ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่! ระดมทุนในรอบ Series C ได้มากกว่า 11,000 ล้านหยวน พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรูหราแห่งอนาคต
๑๗:๐๖ Zoom เปิด 10 เทรนด์ ใช้ AI ในการทำงานปี 2568
๑๗:๑๐ เปิดมุมมองอาชีพที่หลากหลายในอุตสาหกรรมกาแฟไทย เจาะลึกบทบาทและแนวทางยกระดับสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
๑๗:๑๔ อนาคตแห่งการเดินทาง: 5 คนขับ AI จากแอปเรียกรถ Maxim
๑๗:๕๕ Well-Being House บ้านชั้นเดียวเอาใจคนวัยเกษียณ
๑๗:๑๖ กทม. แจงเปิดกว้างการแข่งขันโครงการเช่าคอมพิวเตอร์พกพาสำหรับนักเรียน
๑๖:๓๗ รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยผู้เริ่มให้บริการ 5G กลุ่มแรกกำลังมุ่งสู่โมเดลธุรกิจที่เน้นประสิทธิภาพ
๑๗:๒๕ เมดีซ กรุ๊ป ร่วมสมทบทุนสนับสนุนมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ช่วยผู้ป่วยในชนบท ถิ่นทุรกันดารที่ห่างไกล
๑๖:๔๔ CNN จับตา นวัตกรรมล่าสุดจากนักวิจัยไทย พลิกโฉมการตรวจคัดกรองความเครียดด้วย เหงื่อ