ในพิธีเปิด สถานกงสุลใหญ่ฯ ได้รับเกียรติจากนายธนาธิป อุปัติศฤงค์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว เป็นประธาน และมีท่านทูตญี่ปุ่นประจำเขตคันไซ ผู้แทนจากรัฐบาล จ.โอซากา และเทศบาลนครโอซากา ผู้บริหารจากหน่วยงานญี่ปุ่น คณะกงสุลต่างประเทศ และสื่อมวลชนในเขตคันไซเข้าร่วม
งานนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ชาวคันไซได้สัมผัสประเทศไทยในด้านต่างๆ และกระชับความสัมพันธ์ระหว่างชาวไทยและชาวญี่ปุ่นที่มีมายาวนานกว่า 600 ปีให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น โดยเป็นการย่อประเทศไทยเล็กๆ มาไว้ที่
นครโอซากา เน้นเสน่ห์และเอกลักษณ์ของ “การกินอยู่แบบไทยๆ”
ภายในบริเวณงานฯ มีคูหาไทย หรือ Thai Pavillion โดยสถานกงสุลใหญ่ฯ และทีมประเทศไทย ประกอบด้วยสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ สำนักงานเศรษฐกิจการลงทุน ททท.สำนักงานโอซากา บริษัทการบินไทย และธนาคารกรุงเทพ ได้จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับโครงการในพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมุนไพรและเครื่องเทศไทย และผลิตภัณฑ์ เช่น เครื่องสำอางค์และสปา การสาธิตและสอนทำขนมไทย อาทิ ข้าวเกรียบปากหม้อ ขนมลูกชุบ และขนมครก การแกะสลักผักผลไม้ การสาธิตศิลปหัตถกรรมพื้นบ้านของไทย เช่น การจักสานไม้ไผ่ การย้อมผ้าม่อฮ่อม การทอผ้าไหม การสานเส้นพลาสติก ฤาษีดัดตนและนวดไทย การสานปลาตะเพียน รวมทั้งการจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูป ผลไม้ไทย กาแฟไทย การแสดงดนตรีไทย การตอบปัญหาเกี่ยวกับประเทศไทย
ส่วนคูหาอื่นๆ ที่ได้รับความนิยม ได้แก่ คูหาจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มไทย คูหาจำหน่ายสินค้าไทย รวมทั้งสินค้า OTOP รวมทั้งสิ้น 95 คูหา ในบริเวณงาน ได้จัดเวทีชกมวยไทย ขบวนสามล้อที่ตกแต่งประดับประดาอย่างสวยงามโดยเจ้าของชาวญี่ปุ่น เวทีการแสดงนาฏศิลป์ไทย การแสดงร้องเพลงไทยของชาวญี่ปุ่นที่น่าประทับใจ และการแสดงคอนเสิร์ตโดยศิลปินไทยนำโดยว่าน ธนกฤต และการจับรางวัลบัตรโดยสารเครื่องบินไป-กลับกรุงเทพฯ-โอซากา ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมากจากชาวญี่ปุ่น
สถานกงสุลใหญ่ฯ ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นชาวคันไซสนุกสนานและเพลิดเพลินไปกับอาหารและผลไม้ยอดนิยมของเมืองไทย เช่น ต้มยำกุ้ง แกงเขียวหวาน ผัดไทย ไก่ย่าง ผัดกระเพรา มะม่วงน้ำดอกไม้ ทุเรียนหมอนทอง มะพร้าว มังคุด เห็นได้จากการต่อแถวยาวเพื่อซื้ออาหารและเข้าร่วมฝึกทำขนม หัดเขียนอักษรไทยในคูหาสาธิตต่างๆ
งานเทศกาลไทยครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนบัตรโดยสารเครื่องบินสำหรับคณะนักแสดงจากบริษัทการบินไทย และได้รับความร่วมมือจากสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ในการนำ OTOP ไทย เช่น หมอนอิง เทียนหอม เชิงเทียน ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากผักตบชวา ผ้าย้อมครามธรรมชาติ ผลิตภัณฑ์ ถักโครเชต์ ชามกะลาไม้ เครื่องประดับ มาเปิดตัวในเขตคันไซด้วย ซึ่งได้รับการอุดหนุนเป็นอย่างดี และเจ้าของผลิตภัณฑ์ OTOP ต่างเห็นว่า งานเทศกาลไทยเป็นโอกาสที่ดีมากสำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่ต้องการบุกเบิกตลาดสินค้าที่มีเอกลักษณ์ โดยเฉพาะในต่างประเทศ รวมทั้งการจับคู่ทางธุรกิจ งานเทศกาลไทย ณ นครโอซากา ซึ่งจัดติดต่อกันมาเป็นปีที่ 12 ยังเป็นงานส่งเสริมความสัมพันธ์ฉันท์มิตรระหว่างชาวไทยกับชาวโอซากาและจังหวัดใกล้เคียงที่ใหญ่ที่สุดในเขตคันไซ และเมื่อปี 2556 ได้รับการจัดอันดับให้เป็นกิจกรรมที่ได้รับความสนใจมากเป็นอันดับ 1 ในเขตคันไซจากการสำรวจของนิตยสาร Kansai Walker