รศ.ดร.ผุสดี ตามไท รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา หลักสูตรโตไปไม่โกงได้ทำการอบรมครูระดับอนุบาลจนถึงมัธยมศึกษาโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานครไปแล้วกว่า 5,000 คน ซึ่งได้เผยแพร่ในโรงเรียนแล้ว รวมทั้งสิ้น 438 โรงเรียน ในปีนี้ได้มีการขยายหลักสูตรไปจนถึงระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย โดยมีรูปแบบการฝึกอบรมนั้น นอกจากการอบรมครู อาจารย์แล้ว ยังได้คัดเลือก 9 โรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานครเข้าร่วมกิจกรรมในปีนี้ โดยเปิดโอกาสให้นักเรียนกว่า 600 คน ได้ทำกิจกรรม เพื่อให้ได้รับประสบการณ์โดยตรงเอง และสามารถนำค่านิยม 5 ประการ ได้แก่ ความซื่อสัตย์สุจริต ความเป็นธรรมทางสังคม การมีจิตสาธารณะ กระทำอย่างรับผิดชอบ และเป็นอยู่อย่างพอเพียง ที่ได้เรียนรู้นำมาสื่อสารต่อได้ รวมถึงได้ขยายเครือข่ายไปยังครูโรงเรียนในเครือสภาการศึกษาคาทอลิก จำนวน 1,300 คน รวมทั้งครู โรงเรียนต่างๆจากสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) โรงเรียนในสังกัดตำรวจตระเวนชายแดน สังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และอื่นๆเพิ่มขึ้นอีกด้วย
ดร.จุรี วิจิตรวาทการ ประธานศูนย์สาธารณประโยชน์และประชาสังคม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ในฐานะ ประธานคณะกรรมการร่างหลักสูตรโตไปไม่โกง กล่าวว่า สำหรับในปีนี้โครงการโตไปไม่โกง ได้ขยายโครงการจนถึงระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จึงมีการจัดกิจกรรมDay Campให้กับเด็กนักเรียนมัธยมปลายสังกัดกรุงเทพมหานคร จำนวน 9 แห่ง 600 คน เพื่อปลูกฝังค่านิยม 5 ประการ ใช้กลยุทธ์ให้เด็กทำกิจกรรมด้วยตนเอง มีวิทยากรให้ความรู้ในเรื่องการประกอบการเพื่อสังคม (Social Enterprise) การรณรงค์เพื่อการเปลี่ยนแปลง (Campaign for Change) และ การบริการสังคม (Social Engagement) โดยจะมีกิจกรรมฝึกการแสดง การทำภาพยนตร์ เพื่อให้เด็กนำการเรียนรู้เรื่องเหล่านี้ มาออกแบบเป็นโครงการ “โตไปไม่โกง” และส่งผลงานเข้าประกวดเพื่อชิงทุนการศึกษา
ทั้งนี้การดำเนินกลยุทธ์แบบ Campaign for Change คือสร้างโรงเรียนสีขาวเพิ่มขึ้น อีก 100 โรงเรียนตลอดปี 2557 โดยผลักดันหลักสูตรโตไปไม่โกง เข้าสู่เยาวชนโดยตรงด้วยกิจกรรมที่สอนให้เยาวชนเป็นคนดีไม่เพิกเฉยต่อการทำดี ต้องรู้จักปรับเปลี่ยน ต้องเริ่มที่ตัวเองเป็นอันดับแรก ขยายต่อไปยังครอบครัว โรงเรียน ชุมชน สังคมและประเทศ เพราะเด็กเป็นกลุ่มที่พร้อมจะเปลี่ยน หากได้รับทราบความรู้ที่ถูกต้อง ดังนั้นเด็กจึงเป็นความหวังของสังคมที่จะทำให้ประเทศไทยไร้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น โดยจะจัดให้มีการรวมพลังเยาวชนโตไปไม่โกง ภายใต้ชื่อ Youth Power มีผู้แทนนักเรียนจาก 100 โรงเรียนในกรุงเทพมหานคร จะเข้าร่วมพิธีปฏิญาณโตไปไม่โกง เพื่อนำกลยุทธ์และหลักสูตรไปรณรงค์ในโรงเรียน ซึ่งงานดังกล่าวจะจัดขึ้นในวันที่ 27 มิถุนายน 2557 ณ หอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพ นอกจากนี้ยังมีการคัดเลือกสื่อมวลชน องค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน และบุคคลผู้เป็นต้นแบบสังคมของการทำความดี เพื่อเข้ารับรางวัล THE LEADER ผู้นำคนดีเป็นปีแรกอีกด้วย
ประธานศูนย์สาธารณประโยชน์และประชาสังคม กล่าวต่อว่า ตลอดระยะเวลาการดำเนินโครงการ ทางศูนย์ฯ ได้มีการติดตามและประเมินผลอย่างต่อเนื่อง โรงเรียนที่เข้ารับการอบรมมีการบรรจุหลักสูตรนี้เข้าในโปรแกรมการเรียนการสอนแล้ว 100% ดำเนินการในลักษณะบูรณาการร่วมกับสาระวิชาของหลักสูตรที่สอนอยู่แล้ว และกิจกรรมพิเศษของโรงเรียน โดยในส่วนของเนื้อหาหลักสูตรและคู่มือที่ใช้สอนนักเรียน เข้าใจง่ายและมีเนื้อหาที่เหมาะสมกับนักเรียน และสภาพสังคมปัจจุบันส่งผลให้เด็กนักเรียนจำนวนมากเริ่มมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เคารพกฎกติกาและระเบียบวินัยของโรงเรียนเพิ่มขึ้น รู้จักประหยัดและเห็นคุณค่าของสมบัติสาธารณะ
“ เป้าหมายสูงสุดของหลักสูตรโตไปไม่โกง คือการทำให้เด็กไทยซึ่งเป็นกำลังของชาติในอนาคตได้มีภูมิคุ้มกันต่อต้านคอร์รัปชั่น มนุษย์ทุกคนมีจิตสำนึกในเรื่องคุณธรรม จริยธรรมอยู่ภายในจิตใจ ซึ่งเป็นตัวตัดสินความผิดชอบชั่วดี ดังนั้นเราจึงควรปลูกฝังเรื่องนี้ให้กับเด็กตั้งแต่เล็กเหมือนการฉีดวัคซีน เพื่อเป็นภูมิคุ้มกันต่อความไม่ดีทั้งหลายที่เกิดขึ้นในชีวิตและสังคม ปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เป็นตัวอย่างหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงการไม่มีจิตสำนึกในเรื่องความรับผิดชอบต่อสังคม การไม่รู้จักพอเพียง การไม่รู้จักการใช้ชีวิตอย่างพอประมาณ และการไม่มีสติในการดำรงชีวิต ”ดร.จุรี กล่าวในที่สุด
คุณคมภิญญ์ เข็มกำเนิด ผู้กำกับภาพยนตร์แอนิเมชั่นบริษัท กันตนา กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สำหรับหลักสูตรโตไปไม่โกงปีที่ 4 นี้ มีการผลิตสื่อโฆษณา ชื่อชุด 5 พลังความดี มีแนวคิดมากจากค่านิยม 5 ประการ คือความซื่อสัตย์สุจริต ความเป็นธรรมทางสังคม การมีจิตสาธารณะ กระทำอย่างรับผิดชอบ และเป็นอยู่อย่างพอเพียง ที่เป็นหัวใจหลักของหลักสูตรโตไปไม่โกง โฆษณาชุดนี้ที่มีความโดดเด่นในด้านการใช้แอนิเมชั่นสร้างตัวการ์ตูนที่สื่อถึงพลังทั้ง 5 ประกอบกับบทเพลงที่สอดคล้องกับเรื่องราวโตไปไม่โกง ซึ่งภาพยนตร์โฆษณาชุดนี้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว และเป็นวิธีการหนึ่งที่จะกระตุ้นจิตสำนึกให้เด็กสามารถซึมซับและเรียนรู้การที่จะเป็นพลเมืองดีของประเทศ และสามารถเข้าถึงกลุ่มคนได้อย่างรวดเร็ว