นายสมชาย โล่ห์วิสุทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ไทย อะโกร เอ็นเนอร์ยี่ (TAE) เปิดเผยถึงการซื้อขายหุ้น TAE วันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หมวดพลังงานและสาธารณูปโภค วันที่ 5 มิถุนายนนี้ ว่ามั่นใจหุ้น TAE ที่เข้าซื้อขายวันแรกจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุน ทำให้สามารถยืนเหนือราคาจองที่ 2 บาท/หุ้นได้ เนื่องจากบริษัทฯ มีปัจจัย พื้นฐานแข็งแกร่ง มีทิศทางการเติบโตในอัตราที่โดดเด่นชัดเจน จากการเป็นหนึ่งในผู้นำการผลิตและจำหน่ายเอทานอลที่ใช้เป็นเชื้อเพลิง สามารถผลิตเอทานอลที่มีคุณภาพสูง ทำให้ได้รับความเชื่อถือและไว้วางใจจากผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ของประเทศเสมอมา ไม่ว่าจะเป็น PTT, BCP, ESSO, TOP อีกทั้ง คาดว่าอัตรากำไรสุทธิปีนี้จะเติบโตสูง จากการลงทุนในโครงการผลิตไฟฟ้าด้วยก๊าซชีวภาพเพื่อนำไฟฟ้าที่ได้มาใช้ในกระบวนการผลิตเอทานอล ทำให้ลดต้นทุนการผลิตได้อย่างมีนัยสำคัญ พร้อมคาด ยอดขายเอทานอลทั้งปีนี้จะเติบโตอีกราว 30% ซึ่งจะสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม สำหรับสถานการณ์ทางการเมืองในช่วงวันที่บริษัทฯ เข้าซื้อขายในตลาดหุ้นนั้น ไม่กังวล เพราะมองในมุมบวก ถือว่าสถานการณ์ดังกล่าวเริ่มมีความชัดเจนยิ่งขึ้น และหากมีผลกระทบ ก็จะเป็นเพียงผลกระทบต่อภาวะการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้น
สำหรับผลประกอบการงวดไตรมาส 1/2557 บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 631.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 225.02 ล้านบาท หรือร้อยละ 55.34 จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 406.60 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 102.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 61.44 ล้านบาท หรือร้อยละ 150.74 จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 40.76 ล้านบาท ในขณะที่ปี 2556 ทั้งปี บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 117.68 ล้านบาท
“มั่นใจว่าหุ้น TAE จะได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุน และยืนเหนือราคาจองได้ จากการที่ในช่วงที่ผ่านมา ผลประกอบการบริษัทฯ เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาสที่ 1/2557 การเติบโตของรายได้รวมบริษัทฯ อยู่ที่กว่า 55% ส่วนกำไรสุทธิเติบโตสูงเกือบ 151% จากการที่บริษัทฯ ใช้กำลังการผลิตถึงร้อยละ 80 ของกำลังการผลิตรวม จากปี 2556 ที่การใช้กำลังการผลิตเพียงร้อยละ 55.58 ทำให้ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และที่สำคัญ คือ การระดมทุนของบริษัทในครั้งนี้ยิ่งจะช่วยทำให้บริษัทฯ สามารถลดต้นทุนการผลิตและต้นทุนทางการเงินอย่างมีนัยสำคัญเพราะบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนลงทุนก่อสร้างระบบผลิตไฟฟ้าด้วยก๊าซชีวภาพสำหรับใช้ภายในโรงงานผลิตเอทานอลจำนวน 120 ล้านบาท และชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินจำนวน 200 ล้านบาท และส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 60% ของกำไรสุทธิอีกด้วย ปัจจัยเหล่านี้จะสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน จนทำให้เข้ามาซื้อหุ้นในกระดานเพิ่มเติมเพื่อลงทุนหวังผลตอบแทนในระยะยาว และมั่นใจหลังเข้าทำการซื้อขาย TAE จะไม่ทำให้ผู้ลงทุนผิดหวัง” นายสมชาย กล่าว
ด้านนายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญของ TAE เปิดเผยว่า TAE พร้อมเดินหน้าเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในวันนี้ แม้สถานการณ์ทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมามีการทำรัฐประหาร แต่มองว่าเหตุการณ์ต่าง ๆ จะเริ่มชัดเจนมากขึ้นในช่วงหลังจากนี้ และจะไม่กระทบบริษัทฯ มั่นใจหุ้น TAE จะสามารถยืนเหนือราคาจองที่ 2 บาทได้อย่างแน่นอน เนื่องจากการกำหนดราคาไอพีโอมีส่วนลดให้นักลงทุน 27.30% ประกอบกับ TAE เป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งและศักยภาพการเติบโตอย่างมั่นคงในอนาคต
“ราคาไอพีโอที่ 2 บาทนั้น เป็นราคาที่เหมาะสมโดยมีส่วนลดให้นักลงทุน 27.30% นอกจากนี้ การที่นักลงทุนมีความเข้าใจและเชื่อมั่นในธุรกิจของบริษัทฯ รวมทั้งศักยภาพในการเติบโตอย่างมั่นคงในอนาคต ทำให้สามารถขายหุ้นจำนวน 296,037,733 หุ้น ได้หมดเกลี้ยง โดยเฉพาะหุ้นในส่วนที่เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นของ LANNA (Pre-Emptive Right) มีการจองซื้อเกินกว่าจำนวนที่เสนอขาย 15.46% ถึงแม้ว่าช่วงที่เปิดจองซื้อหุ้นจะตรงกับช่วงที่มีการประกาศกฎอัยการศึกและรัฐประหารก็ตาม ทำให้ผมมั่นใจว่าหุ้น TAE จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง และสามารถสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจให้แก่นักลงทุนได้” นายสมภพ กล่าว