โดย สุทธิพงศ์ สมิตชาติ (อาร์โต้) ผู้จัดการทีมและหนึ่งในนักขับ กล่าวถึงรายการแข่งขันนี้ว่า “สนามนูร์เบอร์กริง 24 ชั่วโมง เป็นรายการแข่งขันชื่อดังติด 1 ใน 3 ของรายการแข่งรูปแบบ 24 ชม. โดยใช้รถโปรดักชั่นคาร์ที่มีจำหน่ายตามโชว์รูมและนำมาโมดิฟายด์เพื่อไปแข่งขัน ไม่ได้เป็นรถแข่งโดยเฉพาะ จึงทำให้รายการนี้ได้รับความนิยมจากคาร์เมคเกอร์ทั่วโลกเพราะสามารถทดสอบประสิทธิภาพและสมรรถนะของรถในแต่ละรุ่นอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะรถในกลุ่มยุโรปจะเยอะมาก ซึ่งในครั้งนี้เราเป็นทีมตัวแทนประเทศไทยเพียงทีมเดียวที่เข้าร่วมการแข่งขัน ผมคิดว่ารายการนี้เป็นรายการที่ท้ายทายความสามารถของนักขับทุกคน ด้วยรูปแบบการแข่งที่ต้องขับยาวนานถึง 24 ชั่วโมง ทั้งรถและคนจะต้องมีความพร้อมและสมบูรณ์แบบอย่างเต็มที่ ด้วยความเร็ว 200 – 250 กม./ ชม. อยู่บนถนนจริงๆที่ไม่ใช่สนามแข่งรถอย่างเดียว ระยะทางรวม 26 กิโลเมตร กับ 73 โค้ง ที่อันตรายทั้งแคบและคดเคี้ยว ขึ้นลงเนินสูงต่ำ อยู่ตลอดเวลา ทำให้รายการนี้เป็น 1 ในรายการที่นักขับทั่วโลกต้องการมาให้ได้สักครั้งในชีวิต” ซึ่งที่ผ่านมานักขับทั้ง 4 คน ของทีมไทยแลนด์ ต้องผ่านการแข่งในรายการ VLN รายการย่อยที่จัดโดยผู้จัดการแข่งขัน นูร์เบอร์กริง เพื่อเก็บชั่วโมงสะสมในการขับ 26 กม. ไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมง ก่อนจะได้รับใบอนุญาตเพื่อเข้าแข่งในรายการใหญ่ “24 ชม. นูร์เบอร์กริง” ที่จะเกิดขึ้นได้ ซึ่งทำให้ทางทีมได้มีประสบการณ์ตรงได้ขับและทำความคุ้นเคยกับสนามอย่างเต็มที่
สำหรับการแข่งขัน นูร์เบอร์กริง 24 ชม ปีนี้มีรถเข้าร่วมการแข่งขันจากทั่วโลกกว่า 282 คัน แบ่งออกเป็นรุ่นตามความจุของเครื่องยนต์ โดยครั้งนี้เราลงในรุ่น 1,601 -2,000 CC ด้านการเตรียมพร้อมก่อนไปลงสนามจริงในช่วงเดือนมิถุนายนนี้ อรรถโต้ กล่าวว่า “สำหรับการไปแข่งขันในครั้งนี้ ทางทีมใช้รถ โตโยต้า โคโรลล่า อัลติส เอสสปอร์ต เครื่อง 1,800 CC เป็นรถในการแข่งขัน ซึ่งตัวรถตอนนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ส่วนทีมเซอร์วิสเรานำหัวหน้าช่างคนไทย และวิศวกรชาวญี่ปุ่นไปทำงานร่วมกับทีมเซอร์วิสจากยุโรป สำหรับนักขับในทีมทุกคนต้องทำการบ้านมากขึ้น เพราะต้องจดจำเส้นทางการขับให้ได้ทั้งหมดและต้องอยู่ภายใต้กฎกติกา การแข่งขันอย่างเข้มงวดเพราะเราถือเป็นตัวแทนจากประเทศไทยทีมแรก และเป็นทีมที่ 2 จากเอเชียที่ผู้จัดและค่ายรถที่เข้าร่วมแข่งขันและนักขับทุกคนรวมถึงสื่อมวลชนที่เยอรมันก็จับตามองอยู่ ทำให้เราต้องรอบคอบและพยายามทำให้ดีที่สุด นอกจากนี้ก็จะเป็นเรื่องการวางแผนการขับและการสลับนักแข่งในทีม เป้าหมายสูงสุดในการแข่งปีนี้ ซึ่งเป็นปีแรกของการไปแข่งไม่ใช่ชัยชนะหรือถ้วยรางวัลเป็นอันดับแรก แต่เป็นประสบการณ์ที่ทั้งทีมนักขับ และทีมเซอร์วิสจะได้เรียนรู้ และนำมาปรับปรุงสำหรับการแข่งขันในปีต่อไป”
ด้าน ณัฐวุฒิ เจริญสุขวัฒนะ ก็ฝากถึงแฟนกีฬามอเตอร์สปอร์ตชาวไทยทุกคนว่า “การแข่งขันครั้งนี้ถือเป็นประสบการณ์ใหม่สำหรับพวกเราทุกคน อยากฝากให้มาติดตามชมและเชียร์เป็นกำลังใจให้กับทีมเราได้ทาง www.toyotateamthailand.com และ facebook/ToyotaTeamThailand ระหว่างวันที่ 19-22 มิถุนายนี้ สดตรงจากเยอรมันครับ”