ดาราเกาหลีชื่อดัง คิมจูอา ประกาศแต่งงานทายาทธุรกิจสีเจบีพี ศราวุฒิ รัชนกูล

จันทร์ ๐๙ มิถุนายน ๒๐๑๔ ๑๑:๐๔
ใครๆก็ตามเมื่อได้ยินวลีที่ว่า “ สีเจบีพี ใช้ดีจึงบอกเพื่อน” ก็ย่อมจะนึกถึงสีแบรนด์เก่าแก่ของเมืองไทยอย่างสีเจบีพีกันอย่างแน่นอน กับซีอีโอคนรุ่นใหม่ คุณศราวุฒิ รัชนกูล ด้วยวัยสามสิบต้นๆและยิ่งกว่านั้น กับข่าวที่สร้างกระแสความฮือฮาในช่วงที่ผ่านมาที่ประเทศเกาหลี นั่นคือ ข่าวการประกาศแต่งงานกับดาราเกาหลีชื่อดัง คุณ ชิน จู อา (Shin Joo Ah) เมื่อวันจันทร์ที่ 19 พฤษภาคม 2556 ที่ผ่านมานั่นเอง

เนื่องจากทางวงการบันเทิงเกาหลีไม่มีใครระแคะระคายมาก่อนว่านางเอกสาวมีคนรักถึงต่างแดน และยิ่งเป็นกรณีที่ไม่เคยมีมาก่อนสำหรับวงการดาราแดนกิมจิ เมื่อว่าที่เจ้าบ่าวเป็นถึงทายาทธุรกิจสีแบรนด์เก่าแก่ของไทย ซึ่งเพิ่งจะขึ้นรับตำแหน่งซีอีโอ เต็มรูปแบบตั้งแต่ปลายปี 2555 ที่ผ่านมา

ด้วยมีข่าวสำคัญอย่างนี้ เราจึงถือโอกาสขอสัมภาษณ์แบบเอ็กคลูซีฟ ทั้งว่าที่เจ้าสาวและเจ้าบ่าวแบบเจาะลึกกันเลยทีเดียวครับ

นักข่าว: คุณ ชิน จู อา ได้ข่าวว่าหลังประกาศกับสื่อมวลชนที่เกาหลีว่ากำลังจะแต่งงาน กลายเป็นเรื่องฮือฮาอย่างมาก รบกวนเล่ารายละเอียดให้ฟังหน่อยครับ

คุณชิน จู อา: เนื่องจากครั้งนี้เป็นครั้งแรกเลยค่ะที่ดาราเกาหลีแต่งงานกับชาวต่างชาติที่เป็นคนไทยเลยทำให้เป็นที่สนใจจากสื่อมวลชน โดยเฉพาะพอสื่อมวลชนพยายามค้นหารูปที่มีอยู่ ก็ปรากฎรูปถ่ายคู่ซึ่งหน้าตาของคุณศราวุฒิก็เหมือนคนเกาหลี ยิ่งทำให้เกิดข้อสงสัยว่าไม่น่าจะเป็นคนไทย จนสื่อทางฝั่งโน้น พยายามตรวจสอบข้อมูลมาทางเมืองไทย ว่าผู้ชายคนนี้เป็นใครกันแน่ จนได้รู้ว่าเป็นซีอีโอของ บริษัท สี เจ.บี.พี. อินเตอร์เนชั่นแนล เพ็นท์ จำกัด บริษัทผู้ผลิตสีเก่าแก่รายหนึ่งในเมืองไทยค่ะ

นักข่าว: ฝั่งเมืองไทย มีข่าวอะไรบ้างไหมครับคุณศราวุฒิ

คุณศราวุฒิ: ไม่มีข่าวอะไรเป็นพิเศษครับ ที่จะมีก็จะเป็นเพื่อนๆ และคนรู้จักที่ติดตามข่าวแวดวงดารานักร้องเกาหลี พอทราบข่าวก็มีโทรศัพท์หรือไลน์มาถามบ้างครับ

นักข่าว: รบกวนขอทราบความเป็นมา ว่าทั้งสองคนรู้จักกันได้ยังไงครับ

คุณศราวุฒิ: เริ่มต้นจากทางผมมีเพื่อนเป็นคนเกาหลีอยู่บ้าง แล้วที่นี้เพื่อนคนหนึ่งก็โทรศัพท์มาจากทางเกาหลีว่าเพื่อนของเขา ซึ่งก็คือคุณ ชิน จู อา กำลังจะมาพักผ่อนวันหยุดที่เมืองไทย อยากให้เราไปช่วยเทคแคร์แทนก็ไม่ได้คิดอะไรมาก คิดว่าเป็นเพื่อนของเพื่อนก็เลยรับปากไป ก็มีพาไปทานข้าว และก็ไปรับส่งสนามบินตามปกติ ซึ่งตอนหลังก็ได้มีโอกาสที่จะติดต่อกันมากขึ้น ช่วงหลังผมก็มีเดินทางไปที่เกาหลีเขาก็มาช่วยเทคแคร์ ทำให้รู้จักกันมากขึ้น พัฒนาความสัมพันธ์จนแน่ใจว่าคนนี้คือคนที่ใช่น่ะครับ

นักข่าว: ภาษาและระยะทางเป็นอุปสรรคความรักของทั้งสองคนหรือไม่ อย่างไรครับ

คุณศราวุฒิ: ภาษาถือเป็นอุปสรรคอย่างมากในช่วงแรก เพราะเขาแทบจะไม่พูดภาษาอังกฤษเลย ช่วงแรกเลยต้องใช้ทั้งภาษาอังกฤษ ภาษามือ และภาษาเกาหลี ผ่านแอพแปลภาษาในมือถือน่ะครับ ซึ่งมีอยู่ครั้งหนึ่งผมต้องไปพบคุณพ่อคุณแม่ของเขาที่เกาหลี ก็ต้องพึ่งเพื่อนชาวเกาหลีมาเป็นล่ามจำเป็นครับ ส่วนเรื่องระยะทางไม่ค่อยเป็นอุปสรรค เพราะเราสองคนส่วนใหญ่เวลาจะหมดไปกับการทำงาน เพราะต่างคนก็ต่างมีภารกิจค่อนข้างมากอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังมีเรื่องวัฒนธรรมที่ค่อนข้างแตกต่างกันมาก ซึ่งช่วงแรกก็ถือเป็นอุปสรรคพอสมควร

จนทำให้รู้สึกท้อ แต่สุดท้ายเราสองคนก็ก้าวผ่านมาได้ครับ

นักข่าว: คุณชิน จู อา มีความประทับใจฝ่ายชายอย่างไรบ้าง

คุณชิน จู อา: ครั้งแรกที่เจอกัน ก็รู้สึกประทับใจการเทคแคร์ของเขาค่ะ เขาเป็นคนยิ้มง่าย ฉลาด และแสดงออกทางสีหน้าตรงไปตรงมา ซึ่งทำให้ดูมีเสน่ห์ค่ะ แต่หลังจากนั้นก็จะเป็นเรื่องนิสัยใจคอ ที่เข้ากันได้และความเสมอค้นเสมอปลายของเขาน่ะค่ะ

นักข่าว: ฝ่ายคุณศราวุฒิบ้างครับ ประทับใจฝ่ายหญิงอย่างไร

คุณศราวุฒิ: ครั้งแรกที่เจอกัน ก็ยังเฉยๆ ยิ่งตอนหลังมาทราบว่าเขาเป็นดาราเกาหลี ก็ยิ่งไม่ได้คิดอะไรครับ เพราะรู้สึกว่าสังคมของเราคงแตกต่างกันอย่างมาก จนตอนที่ได้เดินทางไปเกาหลีแล้วเขาเทคแคร์เราทำให้เราได้รู้จักเขาในแง่มุมอื่นมากขึ้น ทำให้รู้ว่างานในวงการแสดงของเขากับชีวิตจริงแตกต่างกันมากนั้นทำให้รู้สึกประทับใจเขาครับ

นักข่าว: มีการวางแผนชีวิตคู่หลังจากแต่งงานกันแล้วอย่างไรครับ

คุณชิน จู อา: หลังแต่งงานก็จะย้ายมาอยู่เมืองไทยถาวรค่ะ เพราะเพิ่งหมดสัญญากับทางค่ายที่เกาหลีและคงต้องเริ่มต้นจากการเรียนภาษาไทยอย่างจริงจัง และปรับตัวให้เข้ากับวิถีชีวิตแบบคนไทยมากขึ้นส่วนเรื่องอื่น ก็ค่อย ๆ ดูกันต่อไป อาจจะทำธุรกิจในเมืองไทยที่เกี่ยวข้องกับเกาหลี หรืออาจจะรับงานแสดงในเมืองไทย เพราะตอนนี้ก็เริ่มมีเอเจนซี่ติดต่อมาบ้างค่ะ แต่ทั้งนี้คงต้องรอให้สามารถใช้ภาษาไทยได้คล่องกว่านี้ก่อนค่ะ

นักข่าว: หลังจากแต่งงานกันแล้ว คุณชิน จู อา จะมีส่วนร่วมของธุรกิจสี เจ บี พี บ้างหรือไม่ครับเพราะทราบมาว่าทางบริษัทฯ กำลังก้าวเข้าสู่การเป็น แบรนด์ระดับเอเชีย

คุณ ชิน จู อา: ตอนนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจค่ะ แต่หากว่าจะมีส่วนร่วม คงเป็นเรื่องของการเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ และดูเรื่องการส่งออกสีไปจำหน่ายที่ประเทศเกาหลี เป็นหลักค่ะ

นักข่าว: คุณศราวุฒิ ในฐานะที่เป็นคนไทย คุณมองว่าประเทศเกาหลีและคนเกาหลี เป็นอย่างไร มีความแตกต่างจากคนไทยอย่างไรบ้าง

คุณศราวุฒิ: ส่วนตัวผมคิดว่า คนเกาหลีเป็นคนที่มีความมุ่งมั่น ที่จะทำให้ประเทศของเขาพัฒนาแบบก้าวกระโดด จากเมื่อ 20-30ปีก่อนเทียบกับเมืองไทยไม่ได้เลย เพราะประเทศของเรามีทั้งทรัพยากรที่สมบูรณ์ ส่วนประเทศของเขา เป็นเกาะ ที่แทบไม่ได้มีทรัพยากรสำคัญอะไรเลย อุณหภูมิก็ร้อนจัด ถึงหนาวจัด ที่ร้อนก็สูงถึง 40องศา ที่หนาวก็ติดลบ 10-20องศาทีเดียว ความเป็นอยู่ก็ไม่สบายเท่าบ้านเรา มีปัญหาขาดแคลนพื้นที่อยู่อาศัยและพื้นที่ทำการเกษตรกรรม แต่ปัจจุบันนี้เขาแทบจะเจริญเทียบเท่าประเทศญี่ปุ่นแล้ว นี่ก็เพราะทั้งคนของเขาและภาครัฐมีการวางเป้าร่วมกันทำให้เขาสามารถมาถึงจุดนี้ได้ในวันนี้ แต่ในเมืองไทย เรามีปัญหาการไม่ได้วางเป้าหมายทั้งในระดับบุคคลและในระดับประเทศที่ชัดเจน ทำให้ผ่านไปหลายปี เราจึงพัฒนาไปได้ช้า ยิ่งตอนนี้ใกล้จะเปิดการค้าเสรีอาเซียน เราต้องยิ่งเปลี่ยนวิธีการคิดโดยการตั้งเป้าหมายต่าง ๆ ให้ชัดเจนมากขึ้น

นักข่าว: คุณชิน จู อา ในฐานะที่เป็นชาวเกาหลี คุณมองประเทศไทยและคนไทย แตกต่างกับประเทศเกาหลีและคนเกาหลีเป็นยังไงบ้างครับ

คุณ ชิน จู อา: ถ้าในระดับบุคคล ที่แตกต่างกัน ก็จะเป็นเรื่องอุปนิสัยค่ะ คนเกาหลีจะให้ความสำคัญเรื่องเวลาอย่างมาก เขาจะตรงต่อเวลา เร่งรีบในการทำงาน กำหนดระยะเวลาในการวางเป้าหมายชัดเจน ว่าจะต้องไปให้ถึงจุดนั้นจุดนี้ภายในเวลากี่เดือนกี่ปี เป็นต้น ส่วนในระดับประเทศ รัฐบาลจะให้การสนับสนุนและผลักดันโครงการอย่างมาก โดยมีการวางหัวข้อที่ชัดเจน เช่น เรื่องการท่องเที่ยว เทคโนโลยี เกษตรกรรม เป็นต้น

ซึ่งเชื่อว่าถ้าหากเมืองไทยเรานำสิ่งเหล่านี้มาประยุกต์ใช้กับวัฒนธรรมไทยที่ดี เช่น การที่คนไทยมีบุคลิกยิ้มแย้มแจ่มใส จิตใจดี โอบอ้อมอารี และมีเสรีภาพ ประกอบกับองค์ประกอบที่เมืองไทยได้เปรียบทั้งเรื่องแหล่งท่องเที่ยว อาหาร สภาพอากาศ เชื่อว่าเมืองไทยจะสามารถก้าวขึ้นเป็นผู้นำในหลายๆ เรื่องได้ไม่ยากค่ะ

จากการสัมภาษณ์เพียงเบื้องต้นจากทั้งสองคน เชื่อว่าหลายต่อหลายท่านคงได้เห็นมุมมองที่กว้างไกลทั้งจากซีอีโอคลื่นลูกใหม่ ของบริษัทสี แบรนด์ เจบีพี ซึ่งในอนาคตอันใกล้ เราคงได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของบริษัทฯนี้ที่จะมีบทบาทในอุตสาหกรรมสีในบ้านเรามากยิ่งขึ้น ในฐานะ สีเจบีพี สีระดับเอเซีย และเป็นไปได้ที่เราอาจจะมีดาราเกาหลีแสนสวยมาประดับวงการบ้านเราเพิ่มอีกหนึ่งคน นั่นคือ คุณ ชิน จู อา นั่นเอง

ติดตามบทสัมภาษณ์สื่อเกาหลี จากลิงก์

http://m.tvcast.naver.com/v/156698

ทราบเรื่องราวความรักของทั้งคู่มาแล้ว ทำให้รู้ว่าความรักไม่มีพรมแดนจริงๆนะครับ และตอนนี้เชื่อว่าใครๆหลายคนคงอยากทราบประวัติของทั้งคู่กันแล้วใช่มั้ยครับ เราไปดูประวัติของทั้งคู่กันเลย

ประวัติคุณศราวุฒิ รัชนกูล

วันเกิด 13 พ.ค. 1982

การศึกษา

อนุบาล – มัธยมปลาย เซนต์จอห์น

ระดับปริญญาตรี คณะบริหารธุรกิจ สาขาการตลาด มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

ระดับปริญญาโท สาขาการตลาด มหาวิทยาลัย Monash ประเทศออสเตรเลีย

ประวัติการทำงาน บริษัท เจ.บี.พี. อินเตอร์เนชั่นแนล เพ็นท์ จำกัด

ปี 2007 ดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด

ปี 2010 ดำรงตำแหน่ง รักษาการแทนกรรมการผู้จัดการ / ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด

ปี 2012 ดำรงตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการ

ประวัติ คุณชิน จู อา /Shin Joo Ah (Shin Ju Ah) /

วันเกิด : 20 มีนาคม 1984

อาชีพ : นักแสดง

สถานที่เกิด : เกาหลีใต้

ผลงานบางส่วน

ภาพยนตร์

2014 Girls, Girls, Girls Yeon-jae

2006 Bewitching Attraction

2005 Wet Dreams 2

ละคร

2013 Princess Aurora Park Joo Ri Supporting Role

2012 Welcome Rain to My Life

2009 Hero

2007 Bad Couple

2006 How Much Love?

ข้อมูลย่อ บริษัท เจ.บี.พี.อินเตอร์เนชั่นแนล เพ็นท์ จำกัด

บริษัท เจ.บี.พี.อินเตอร์เนขั่นแนล เพ็นท์ จำกัด เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายสีทาอาคาร สีอุตสาหกรรม และทินเนอร์สำเร็จรูป ภายใต้เครื่องหมายการค้า JBP ซึ่งดำเนินกิจการมาเป็นระยะเวลากว่า 40 ปี ด้วยกำลังการผลิต 20,000 ตัน/ปี ผ่านช่องทางจัดจำหน่ายตัวแทนจำหน่ายในประเทศกว่า 1,000 ร้านค้า

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๒๑ 60 ปีแห่งความมุ่งมั่น! คาโอ คว้ารางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น 2 ประเภทในปี 2567 ชูความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม
๑๗:๒๓ AVATR ก้าวสู่ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่! ระดมทุนในรอบ Series C ได้มากกว่า 11,000 ล้านหยวน พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรูหราแห่งอนาคต
๑๗:๐๖ Zoom เปิด 10 เทรนด์ ใช้ AI ในการทำงานปี 2568
๑๗:๑๐ เปิดมุมมองอาชีพที่หลากหลายในอุตสาหกรรมกาแฟไทย เจาะลึกบทบาทและแนวทางยกระดับสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
๑๗:๑๔ อนาคตแห่งการเดินทาง: 5 คนขับ AI จากแอปเรียกรถ Maxim
๑๗:๕๕ Well-Being House บ้านชั้นเดียวเอาใจคนวัยเกษียณ
๑๗:๑๖ กทม. แจงเปิดกว้างการแข่งขันโครงการเช่าคอมพิวเตอร์พกพาสำหรับนักเรียน
๑๖:๓๗ รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยผู้เริ่มให้บริการ 5G กลุ่มแรกกำลังมุ่งสู่โมเดลธุรกิจที่เน้นประสิทธิภาพ
๑๗:๒๕ เมดีซ กรุ๊ป ร่วมสมทบทุนสนับสนุนมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ช่วยผู้ป่วยในชนบท ถิ่นทุรกันดารที่ห่างไกล
๑๖:๔๔ CNN จับตา นวัตกรรมล่าสุดจากนักวิจัยไทย พลิกโฉมการตรวจคัดกรองความเครียดด้วย เหงื่อ