นายวีรวัฒน์ แจ้งอยู่ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เธียรสุรัตน์ จำกัด (มหาชน) หรือ TSR หนึ่งในผู้นำการผลิตและจำหน่ายเครื่องกรองน้ำดื่มภายในครัวเรือนแบบระบบขายตรงชั้นเดียว (Single Level Direct Sale) ภายใต้แบรนด์ ‘SAFE’ (เซฟ) เปิดเผยว่า ด้วยประสบการณ์อันยาวนานกว่า 38 ปี ทำให้บริษัทฯ มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทั้งทางด้านรูปแบบ และเทคโนโลยีการกรองที่มีประสิทธิภาพ ผ่านกลยุทธ์การขายตรงแบบชั้นเดียวโดยพนักงานขายที่มีคุณภาพ ทำให้สามารถอธิบายคุณสมบัติผลิตภัณฑ์ได้ชัดเจน ผนวกกับการขายแบบผ่อนชำระ ช่วยการตัดสินใจซื้อขั้นสุดท้ายของลูกค้าได้เป็นอย่างดี นับเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ TSR ประสบความสำเร็จและก้าวเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดได้อย่างยั่งยืน
บริษัทฯ มีวัตถุประสงค์ที่จะนำเงินจากการเสนอขายหุ้นไอพีโอในครั้งนี้ รวมจำนวน 301 ล้านบาท ไปใช้ก่อสร้างโรงงานใหม่แห่งที่ 3 บนพื้นที่ 9 ไร่ ในจังหวัดปทุมธานี จำนวน 60 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยเพิ่มกำลังการผลิตถึง 2 เท่า จากกำลังการผลิตปัจจุบันที่ 15,000 เครื่องต่อเดือน โดยจะแบ่งการก่อสร้างออกเป็น 3 เฟส คาดเฟสแรกจะเริ่มก่อสร้างได้ภายในปีนี้ และเฟสสุดท้ายจะแล้วเสร็จประมาณต้นปี 2559 ขณะเดียวกัน ยังมีแผนการนำเงินบางส่วนไปใช้ลงทุนขยายสาขาสำนักงานขายเพิ่ม 2 สาขา และศูนย์บริการเพิ่มอีก 5 สาขา ให้ครอบคลุมพื้นที่ขายและการบริการทั่วประเทศ จากปัจจุบันซึ่งมีสาขาสำนักงานขาย 4 สาขา ได้แก่ ร้อยเอ็ด, นครศรีธรรมราช,เชียงใหม่ และพิษณุโลกและศูนย์บริการลูกค้า 6 สาขาได้แก่ นครราชสีมา,ชลบุรี,นครสวรรค์,เพชรบุรี,สงขลาและอุบลราชธานี
ทั้งนี้ เงินลงทุนบางส่วนจะนำไปใช้เพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่จากปัจจุบันซึ่งมีจำหน่ายเพียง 2 รุ่น คือ เครื่องกรองน้ำ SAFE รุ่น Power Health และรุ่น Super Alkali เพื่อให้เหมาะสมกับคุณภาพน้ำแต่ละพื้นที่มากยิ่งขึ้น เช่น เครื่องกรองน้ำ UV PLUS, เครื่องกรองน้ำ RO และเครื่องกรองน้ำขนาดเล็กสำหรับคอนโดมิเนียม และส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน และใช้ลงทุนสำหรับการเพิ่มช่องทางการขายที่ทันสมัยเพื่อตอบรับกับ Life Style ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปในอนาคต
“ตลาดเครื่องกรองน้ำดื่มภายในครัวเรือนในประเทศ นับเป็นตลาดที่มีมูลค่ามหาศาลหลายพันล้านบาท อ้างอิงจากปริมาณจำนวนครัวเรือนในประเทศที่เพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทฯ ยังมีโอกาส มีช่องทางขยายธุรกิจได้อีกมาก ยังไม่นับรวมกับโอกาสทางธุรกิจในต่างประเทศเพื่อนบ้าน ภายหลังจากเปิดเสรีประคมอาเซียนในปี 2558 โดยวันนี้ บริษัทฯ พร้อมแล้วที่จะก้าวไปข้างหน้า ยกระดับมาตรฐาน สร้างความแข็งแกร่ง เพื่อเตรียมรองรับกับทุกโอกาสทางธุรกิจที่จะเข้ามาในอนาคต” นายวีรวัฒน์ กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ในปี 2554 ถึงปี 2556 บริษัทฯ มีการขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยผลการดำเนินงานย้อนหลังตั้งแต่ปี 2554 - 2556 สามารถขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จากรายได้ที่ระดับ 975.10 ล้านบาท ในปี 2554 มาสู่รายได้ที่ 1,012.31 ล้านบาท ในปี 2556 และกำไรสุทธิเติบโตจาก 22.73 ล้านบาท ในปี 2554 มาอยู่ที่ 67.05 ล้านบาท ในปี 2556 ขณะที่งวด 3 เดือนของปี 2557 บริษัทฯ ทำรายได้รวม 253.19 ล้านบาท กำไรสุทธิ 16.98 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิภายหลังการหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและการจัดสรรทุนสำรองตามกฎหมาย
นางสาวสุวภา เจริญยิ่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย หุ้น TSR กล่าวว่า การเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้ กำหนดราคาขายที่ 3.50 บาท มูลค่าที่ตราไว้ 1 บาท จำนวน 86 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 25% ของจำนวนหุ้นที่เรียกชำระแล้วภายหลังการเสนอขายในครั้งนี้ นอกจาก บล.ธนชาต ในฐานะแกนนำในการจัดจำหน่ายแล้ว TSR ยังได้แต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์อีก 4 แห่งได้แก่ บล.เคที ซีมิโก้, บล.ยูโอบี เคย์เฮียน, บล.เอเซียพลัส และ บล.ไอร่า เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายในครั้งนี้ โดยจะเปิดให้นักลงทุนจองซื้อหุ้นดังกล่าวในระหว่างวันที่ 11 - 13 มิถุนายน 2557 และคาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) หมวดของใช้ในครัวเรือนและสำนักงาน (Home & office Products) ในวันที่ 19 มิถุนายน 2557
“ สำหรับราคาเสนอขาย 3.50 บาท ถือว่าเป็นราคาที่เหมาะสม เนื่องจากบริษัทฯ มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี อีกทั้งมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต จากการขยายสาขาให้ครอบคลุมทั่วประเทศ การเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย ตลอดจนการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อขยายกลุ่มลูกค้าเพิ่มขึ้น ขณะที่ธุรกิจมีความเข้มแข็ง มีโอกาสเติบโตทางธุรกิจสูงจากการขยายตัวของความเจริญทางเศรษฐกิจ, เทรนด์การบริโภคน้ำดื่มสะอาดในกรุงเทพและปริมณฑล และต่างจังหวัดเพิ่มสูงขึ้น และจำนวนประชากรครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น รวมถึงโอกาสขยายธุรกิจไปยังกลุ่มประเทศเพื่อบ้านหลังจากเปิดเสรีทางเศรษฐกิจในปี 2558 ซึ่งเชื่อว่าการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) นั้นจะช่วยทำให้บริษัทฯ มีโอกาสทางธุรกิจที่ดียิ่งขึ้นอีก” นางสาวสุวภา กล่าว
ปัจจุบัน บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 258 ล้านบาท เป็นห้นสามัญ 258 ล้านหุ้น และภายหลังจากการเสนอขายหุ้น IPO ทำให้บริษัทฯมีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 344 ล้านบาท หรือ 344 ล้านหุ้น