ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาความรู้ผลิตภัณฑ์ระดับภูมิภาค ยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค อะคาเดมี เผยว่า ““อนุมูลอิสระ” หรือ “ฟรี แรดิคัล (Free Radical)” เป็นโมเลกุลที่มีความไวต่อปฏิกิริยาเคมี ร่างกายสร้างอนุมูลอิสระได้ในปริมาณน้อยๆ จะให้ประโยชน์ในหลายด้าน เช่น ภูมิต้านทานฆ่าเชื้อโรคแปลกปลอม แต่หากมีอนุมูลอิสระมากเกินไป ก็จะไปทำร้ายโมเลกุลอื่นๆ ในร่างกายด้วย เช่น โปรตีน ไขมัน ดีเอ็นเอ ในเซลล์ เนื้อเยื่อ ของอวัยวะต่างๆ ทำให้เกิดความผิดปกติ และเพิ่มจำนวนอนุมูลอิสระมากขึ้น เป็นวงจรปฏิกิริยาลูกโซ่อย่างต่อเนื่อง เรียกว่าปฏิกิริยาออกซิเดชั่น (Oxidation) ซึ่งเปรียบได้กับสนิมที่เกิดแล้วลุกลามกัดกร่อนโลหะจนเสียหาย เช่นเดียวกัน เมื่อเนื้อเยื่อต่างๆ ค่อยๆ สะสมความเสื่อมอยู่เงียบๆ นานวันเข้าก็ถึงจุดที่ทำให้เกิดโรคต่างๆ รวมถึงมะเร็ง และลุกลามจนเกินเยียวยา ทางเดียวที่จะป้องกันการเกิดอนุมูลอิสระ คือการใช้ “สารต้านอนุมูลอิสระ” หรือ “แอนตี้ออกซิแดนท์ (Antioxidant)” ซึ่งจะไปยับยั้งปฏิกิริยาออกซิเดชั่นได้ ตั้งแต่เนิ่นๆ โดยร่างกายจะสร้าง “สารต้านอนุมูลอิสระ” หรือ “สารแอนตี้ออกซิแดนท์ (Antioxidant)” ได้จากอาหารที่รับประทาน เพื่อคุมไม่ให้มีอนุมูลอิสระมากเกินไป แต่ภาวะความเครียดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตในปัจจุบัน และ มลภาวะสิ่งแวดล้อม ทำให้ร่างกายอาจผลิตสาร ต้านอนุมูลอิสระไม่ทัน การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น การพักผ่อนให้เพียงพอ นอนแต่หัวค่ำ ออกกำลังกาย บริหารอารมณ์ไม่หงุดหงิดโกรธง่าย ไม่กินของทอดอมน้ำมัน ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มน้ำหวาน สุรา จะลดภาวะเครียด ลดการผลิตอนุมูลอิสระได้ และที่สำคัญที่สุดคือ การกินสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ซึ่งมีอยู่ในพืชผักผลไม้ตามธรรมชาตินั่นเอง”
พืชผักผลไม้ตามธรรมชาติที่มีสารแอนตี้ออกซิแดนท์ และยังถูกจัดว่าเป็น “ซุปเปอร์ฟรุต (Superfruit)” ได้แก่ แอปเปิ้ล องุ่น ทับทิม มะเขือเทศ กล้วย กีวี ฟักทอง อะโวคาโด เป็นต้น เป็นพืชผักผลไม้ที่พบว่ามีสารแอนตี้ ออกซิแดนท์มาก เมื่อเทียบกับผลไม้อื่นๆ แต่ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ อย่าง อาซาอิเบอร์รี่ แครนเบอร์รี่ เชอร์รี่ สตรอว์เบอร์รี่ ราสพ์เบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ กลับพบสารแอนตี้ออกซิแดนท์มากเป็นพิเศษ โดยนักวิทยาศาสตร์ได้ใช้วิธีการทดสอบประสิทธิภาพการต้านอนุมูลอิสระที่เรียกว่า ออแร็ค (ORAC) โดยนำสารสกัดผลไม้ชนิดต่างๆ ในปริมาณเท่ากัน มาทำปฏิกิริยากับสารพิษอนุมูลอิสระในห้องปฏิบัติการ แล้วเทียบว่าผลไม้ชนิดใดจะกำจัด อนุมูลอิสระได้ดีกว่ากัน ล่าสุดพบว่า “มากิเบอร์รี่ (Maqui Berry)” ซึ่งเป็นเบอร์รี่พื้นเมืองของประเทศชิลี ผลสีม่วงเข้ม อุดมด้วยสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ที่ชื่อว่า เดลฟินิดิน มีประสิทธิภาพต้านอนุมูลอิสระได้สูงมากกว่า อาซาอิเบอร์รี่เกือบสองเท่า และมากกว่าทับทิมเกือบสามเท่า จึงเริ่มเป็นที่นิยมและสกัดมาใช้เป็นเครื่องดื่ม แอนตี้ออกซิแดนท์เพื่อการต่อต้านอนุมูลอิสระ อย่างไรก็ตามแนะนำว่า สารแอนตี้ออกซิแดนท์ มีหลายชนิดและทำงานด้วยกลไกแตกต่างกันไป การจะให้ร่างกายได้รับประโยชน์เต็มที่ควรรับประทานผลไม้หลากหลายชนิดจะปกป้องร่างกายได้ครอบคลุมมากกว่าการเลือกกินผลไม้เพียงบางชนิด การรวมผลไม้หลากหลายจะให้ค่าการต่อต้านอนุมูลอิสระ (ORAC) สูงขึ้น ซึ่งหมายถึงการปกป้องร่างกายจากการถูกอนุมูลอิสระทำร้ายได้ดีขึ้นนั่นเอง”
ทีนี้เราก็รู้แล้วว่าซุปเปอร์ฟรุตที่กล่าวถึงคือผักผลไม้ชนิดใด แถมยังหาง่ายอีกด้วย แต่จะให้ดีควรหา มากิเบอร์รี่ มารับประทานเสริมเข้าไปอีกด้วย จะยิ่งทำให้ร่างกายได้รับสารแอนตี้ออกซิแดนท์มากขึ้นอีก แต่จะให้ดี ต้องใส่ใจสุขภาพ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายเป็นประจำ เท่านี้ร่างกายของเราก็จะพ้นจากการถูกคุกคามด้วยโรคต่างๆ