ผลการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการสร้างคุณค่าและค่านิยมของเยาวชนไทยของนายสมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบว่าเยาวชนไทยไม่นิยมเข้าวัดหรือสนใจหลักธรรมต่างๆ โดย 50% ไม่เคยทำบุญตักบาตร และ 70% ไม่เคยฟังเทศน์ เพราะเยาวชนมองว่าวัยนี้ต้องสนุกสนาน จึงคิดว่าไม่จำเป็นต้องเข้าวัดตอนนี้ซึ่งเป็นความคิดที่ผิดมาก ประการที่สองเพราะวัดไม่มีอะไรน่าสนใจ ไม่ร่มรื่นน่าเข้า และประการที่สามการเทศน์ของพระก็ไม่สอดคล้องกับยุคสมัย เวลาฟังจึงทำให้เบื่อหน่าย
มูลนิธิไทยคมเป็นองค์กรการกุศลที่มุ่งส่งเสริมและพัฒนาเยาวชนไทยให้ “คิดเป็น ทำเป็น” และเล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหาดังกล่าว จึงได้จัดโครงการค่ายธรรม(ะ)ทันที รุ่นที่ 2 ขึ้นเพื่อสร้างโอกาสในการพัฒนาตนเองของคนรุ่นใหม่และเพื่อให้คนรุ่นใหม่สามารถเข้าถึงสมาธิได้ง่ายขึ้น ทำให้เห็นว่ารู้สึกว่าเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ทันที เห็นประโยชน์ได้ทันที และสามารถบอกต่อชักชวนได้ทันที ผ่านการเรียนรู้ในรูปแบบของค่าย 3 วัน 2 คืน ระหว่างวันที่ 10-12 มิถุนายน 2557 ณ วัดเจดีย์ทอง จ.นครนายก
พระครูปลัดเขมรัฐ(หลวงพี่ฟลุ๊ค) พระธรรมวิทยากรรุ่นใหม่ กล่าวว่า “ วันนี้ สิ่งที่เราได้เห็นคือความตั้งใจของน้องๆกลุ่มวัยรุ่นซึ่งเป็นนักศึกษาทั้ง 30 คน ที่มีโอกาสได้เข้ามาสัมผัสความร่มรื่น ร่มเย็น ภายในวัดเจดีย์ทองแห่งนี้ เป็นการได้มาแสดงหัวใจส่วนลึกๆที่ต้องการสรรสร้างสังคมให้เป็นประโยชน์ได้อีก เห็นแววตาแล้วปลื้มใจ ประโยชน์อย่างแรกคือเกิดความรักและความสามัคคีทั้งที่ไม่รู้จักกันเลยแต่มีหัวใจเดียวกันคือ มุ่งมั่นให้สิ่งดีดีเกิดขึ้นจึงเกิดความร่วมมือกัน สิ่งที่ยากก็จะกลายเป็นง่ายเมื่อรวมตัวกัน สามัคคีกัน และยังสามารถต่อยอดทำสิ่งดีดีเพื่อสังคมได้อีกเยอะด้วยการนำหลักธรรมไปปรับใช้ สำหรับน้องๆที่มีโอกาสเข้าวัดแบบนี้ไม่ยากและไม่ง่าย คนรุ่นใหม่ที่ได้เข้ามาจะรู้ว่าได้รับประโยชน์มากกว่าโทษ มีความสงบซึ่งมีผลต่อจิตใจ ในส่วนของโครงการนี้เป็นการรวมตัวกันของนักศึกษาซึ่งเป็นกำลังของชาติ มีการขยายต่อยอดไปยังรุ่นต่อไปด้วย ให้น้องกลุ่มอื่นๆมีโอกาสได้เข้ามาสัมผัส แม้สังคมปัจจุบันนี้จะเปลี่ยนแปลงไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นสิ่งที่ยังคงอยู่และใหม่เสมอก็คือหลักธรรมะ ”
มูลนิธิไทยคมจะยังคงยึดมั่นในแนวทางการดำเนินงานเพื่อส่งเสริมและพัฒนาเยาวชนไทยให้ “คิดเป็น ทำเป็น” และมุ่งเน้นสนับสนุนกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อเยาวชนและสังคมด้วยความเชื่อมั่นในศักยภาพของเยาวชนอนาคตของชาติ โดยมูลนิธิฯ มีความคาดหวังให้สังคมไทยเป็น “สังคมแห่งการให้” และสร้างเครือข่ายคนดีเป็นผู้ให้แก่สังคมต่อไป