หากการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดและการซื้อกิจการใน TPROP เป็นผลสำเร็จก็จะทำให้สินทรัพย์ของบริษัทเพิ่มขึ้นประมาณ 10,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ฐานรายได้จากค่าเช่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 1,000-1,500 ล้านบาทต่อปี หรือประมาณ 10% ของระดับรายได้ในปัจจุบันของบริษัท ทั้งนี้ การซื้อกิจการดังกล่าวจะทำให้โครงสร้างทางการเงินของบริษัทเปลี่ยนไป อย่างไรก็ตาม โครงสร้างทางการเงินของบริษัทหลังจากการซื้อกิจการจะขึ้นอยู่กับชนิดของแหล่งเงินทุนที่ใช้ในการซื้อกิจการดังกล่าว อีกทั้งประโยชน์ที่บริษัทคาดว่าจะได้รับจากการซื้อกิจการในครั้งนี้ยังมีความไม่แน่น่อนและยังคงต้องติดตามต่อไป
สำหรับการซื้อกิจการดังกล่าว บริษัทมีแผนจะเพิ่มทุนจดทะเบียนอีก 4,777 ล้านบาทโดยการออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน 4,777 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยกำหนดมูลค่าไว้ที่หุ้นละ 1.14 บาท ทั้งนี้ บริษัทจะจัดสรรหุ้นที่ออกใหม่ประมาณ 1,600 ล้านหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นของ TPROP ในอัตราการแลกเปลี่ยนหลักทรัพย์ 1 หุ้นของ TPROP ต่อ 0.5 หุ้นของบริษัท หรือชำระเป็นตัวเงินในราคาหุ้นละ 0.57 บาท และจัดสรรหุ้นที่ออกใหม่จำนวน 3,162 ล้านหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นของ GRAND ในอัตราการแลกเปลี่ยนหลักทรัพย์ 1 หุ้นของ GRAND ต่อ 1.149123 หุ้นของบริษัท หรือชำระเป็นตัวเงินในราคาหุ้นละ 1.31 บาท สำหรับหุ้นสามัญที่ออกใหม่ที่เหลือจะถูกสำรองไว้ให้แก่ผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท (PF-W3) บริษัทคาดว่าแผนการเพิ่มทุนและการซื้อกิจการในครั้งนี้จะเสร็จสิ้นในช่วงปลายปี 2557 อย่างไรก็ตาม การทำรายการต่าง ๆ ดังกล่าวต้องได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 29 กรกฎาคม 2557 และต้องได้รับอนุมัติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนผู้ถือหุ้นทั้งหมดของบริษัทที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียง ทั้งนี้ แผนทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดนี้อาจถูกยกเลิกหากผู้ถือหุ้นของ TPROP ตอบรับคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ไม่ถึง 75% ของจำนวนหลักทรัพย์ที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ TPROP
เนื่องจากผลสำเร็จของการทำธุรกรรมดังกล่าวยังมีความไม่แน่นอน ดังนั้น ทริสเรทติ้งจะติดตามความคืบหน้าของการเพิ่มทุนและการซื้อกิจการดังกล่าวเพื่อพิจารณาทบทวนเครดิตพินิจอีกครั้งเมื่อกระบวนการเพิ่มทุนและการซื้อกิจการเสร็จสิ้นและมีการวิเคราะห์ผลจากการทำรายการดังกล่าวอย่างถี่ถ้วนแล้ว ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงในอันดับเครดิตหรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทนั้นนอกจากจะขึ้นอยู่กับความสำเร็จของการซื้อกิจการแล้ว ยังต้องพิจารณาร่วมกับผลการดำเนินงานโดยรวมและโครงสร้างทางการเงินของบริษัทภายหลังจากการซื้อกิจการแล้วด้วย
บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) (PF)
อันดับเครดิตองค์กร: BB+
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
PF153A: หุ้นกู้มีการค้ำประกันบางส่วน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558 BBB
PF156A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558 BB+
PF15NA: หุ้นกู้มีการค้ำประกันบางส่วน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558 BBB
แนวโน้มเครดิตพินิจ: Developing