เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2557 นายแพทย์อาจินต์ ชลพันธุ์ ผู้ทรงคุณวุฒิกรมควบคุมโรค เปิดเผยภายหลังลงนามบันทึกข้อตกลงบูรณาการนิคมโรคเรื้อนสู่ชุมชนทั่วไป 2 แห่ง ได้แก่ นิคมบ้านกร่าง จ.พิษณุโลก และนิคมฝายแก้ว จ.น่าน “กรมควบคุมโรคเล็งเห็นถึงความสำคัญ และคุณประโยชน์อันเกิดแก่ผู้อาศัยในนิคม อาทิ การเข้าถึงระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ได้รับการยอมรับและบริการจากสังคมอย่างเท่าเทียมเหมือนประชาชนทั่วไป จึงเร่งผลักดันให้การบูรณาการนิคมโรคเรื้อนสู่ชุมชนทั่วไปเป็นไปได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ โดยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ และเอกชนที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างดี”
นายแพทย์อาจินต์ กล่าวต่อไปว่า “หัวใจสำคัญของการบูรณาการนิคมโรคเรื้อน คือการสร้างทัศนคติที่ดี ทั้งต่อตัวผู้อาศัยในนิคม และประชาชนในสังคมทั่วไป ซึ่งความเข้าใจอันดีและความร่วมมือกันของประชาชนทั้งสองฝ่าย นับว่าเป็นความสำเร็จที่แท้จริง”
อนึ่ง ในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงบูรณาการนิคมโรคเรื้อนสู่ชุมชนทั่วไปในครั้งนี้ ได้มีการมอบป้ายชื่อหมู่บ้านเพื่อเป็นการเปิดหน้าศักราชใหม่แห่งความเท่าเทียม โดย นิมคมบ้านกร่าง เปลี่ยนเป็นชุมชน "บ้านใหม่ราชประชา" และ นิคมฝายแก้ว ชื่อใหม่คือ "บ้านสันพยอมพัฒนา"
ในการนี้ ศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระ รามสูต ประธานมูลนิธิราชประชาสมาสัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ย้ำความจำเป็นในการเร่งรัดค้นหาผู้ป่วยโรคเรื้อนรายใหม่ เพื่อป้องกันความพิการ ลดการแพร่ติดต่อของโรคโดยประชาชนสามารถมีส่วนร่วมในการนำผู้ป่วยเข้าสู่กระบวนการรักษาได้ ซึ่งมูลนิธิฯ จะมอบเงินสนับสนุนจำนวน 2,000 บาท ในกรณีที่ผู้ป่วยมารับการรักษาด้วยตนเอง และในกรณีที่มีผู้พามา มูลนิธิฯจะมอบเงินให้กับผู้นำผู้ป่วยมารักษา 1,000 บาท และมอบให้ผู้ป่วยอีก 1,000 บาท “ขอเชิญชวนประชาชนร่วมมือกันทำให้โรคเรื้อนหมดไปจากประเทศไทยอย่างยั่งยืนสมดังพระราชปณิธาน ด้วยการแนะนำให้ผู้ป่วยโรคเรื้อนที่ยังไม่เคยได้รับการรักษารีบมารับการรักษา และขอให้ประชาชนสำรวจตนเอง คนในครอบครัว หรือในชุมชน หากมีอาการน่าสงสัย ผิวหนังเป็นผื่น วงด่าง สีขาวหรือสีแดง มีอาการชา ไม่รู้สึกคัน ไม่เจ็บ เป็นมานาน ใช้ยากินหรือยาทา 3 เดือนแล้วไม่หาย ให้รีบไปพบแพทย์ หากได้รับการวินิจฉัยเป็นโรคเรื้อน สามารถรักษาฟรีได้ที่โรงพยาบาลของรัฐทุกแห่ง”