“เรามั่นใจว่ากองทุนตราสารหนี้น้องใหม่ “ธนไพบูลย์” ของเราจะสานต่อความสำเร็จในการบริหารกองทุนตลาดเงินและตราสารหนี้ในตระกูล “ธนแฟมิลี่”และทำให้เราก้าวหน้าไปอีกขั้นหนึ่งทั้งด้านศักยภาพการเติบโตของสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหารจัดการโดยรวม จากปัจจุบันที่บริษัทฯได้บริหารกองทุนรวมตลาดเงินและตราสารหนี้เติบโตมาโดยลำดับคิดเป็นมูลค่าสินทรัพย์สุทธิรวมกันกว่า 140,000 ล้านบาท และในด้านการยกระดับผลตอบแทนที่เชื่อได้ว่าหากผู้ลงทุนได้ลงทุนเป็นเวลานานเพียงพออาทิเช่น1ปีขึ้นไป จะมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่พึงพอใจและคาดหวังได้ถึงผลตอบแทนที่น่าจะสูงกว่าเงินเฟ้อและการฝากเงินแบบประจำกับธนาคารพาณิชย์ทั่วไป รวมถึงน่าจะดีกว่ากองทุนตราสารหนี้อื่นในตระกูล “ธนแฟมิลี่” ของเรา
เพื่อยกระดับของผลตอบแทน “ธนไพบูลย์” จึงออกแบบโดยกำหนดนโยบายการลงทุนให้สามารถลงทุนในตราสารหนี้ได้กว้างขวางและหลากหลายรูปแบบกว่าเดิม ทั้งพันธบัตร ตราสารหนี้ภาครัฐ สถาบันการเงินและภาคเอกชน ซึ่งนอกจากลงทุนในประเทศแล้วยังเปิดกว้างสำหรับการลงทุนต่างประเทศ (มีการป้องกันความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยนเกือบเต็มจำนวน) ขณะเดียวกันผู้จัดการกองทุนมืออาชีพจะใช้กลยุทธ์เชิงรุกในการบริหารพอร์ตลงทุน มุ่งสร้างสมดุลย์ของผลตอบแทนและสภาพคล่อง โดยจัดสรรการลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพระยะปานกลางถึงยาวให้มากขึ้นเพื่อเพิ่มผลตอบแทน ขณะที่ยังรักษาสภาพคล่องซื้อ-ขายได้ทุกวันทำการด้วยพลังของตราสารหนี้ระยะสั้น ทั้งนี้คาดว่าอายุเฉลี่ยพอร์ตการลงทุน (Duration) ในระยะแรกจะอยู่ที่ประมาณ 1 ปีและในระยะยาวจะไม่เกิน 4 ปีซึงถือได้ว่ายาวที่สุดในกลุ่มกองทุนตราสารหนี้ของเรา ด้วยเหตุนี้ NAV ในระหว่างทางของกองทุนนี้จึงอาจมีความผันผวนมากกว่ากองทุนตราสารหนี้อื่นอยู่บ้าง จึงแนะนำให้ผู้ลงทุนลงทุนถือครองให้ยาวนานขึ้น” ดร.สมจินต์กล่าว
คุณไพศาล ครุฑดำรงชัย รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายที่ปรึกษาการลงทุนได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับ“กองทุนเปิดทหารไทย Japan Equity Trigger 8” ว่าระดับราคาหุ้นญี่ปุ่นยังคงน่าสนใจจากปัจจัยบวกทั้งภาครัฐและธนาคารกลางญี่ปุ่นที่ยังคงมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้นกว่าที่คาดการณ์ และบริษัทจดทะเบียนญี่ปุ่นที่มีพื้นฐานที่เข้มแข็งอยู่แล้วนั้นมีผลกำไรเติบโตขึ้น เราพบว่าข้อมูลจาก Bloomberg ระบุความเห็นนักวิเคราะห์จากการสำรวจครั้งล่าสุดได้คาดการณ์ดัชนี Nikkei 225 ตอนสิ้นปี อยู่ที่ระดับประมาณ 16,500 จุดขึ้นไป โดยค่ากลาง (Median) ที่สำรวจอยู่ที่ 17,150 จุด ซึ่งเติบโตกว่าระดับปัจจุบัน (25 มิถุนายน 2557) ที่ 15,750 จุด ดังนั้น เราจึงเชื่อมั่นว่ากองทุนนี้จะประสบความสำเร็จเช่นเดียวกับทั้ง 2 กองทุนทริกเกอร์หุ้นญี่ปุ่นของเราที่ออกมาก่อนหน้า
และสำหรับ “กองทุนเปิดทหารไทย พร็อพเพอร์ตี้ อินคัม พลัส เพื่อการเลี้ยงชีพ” นั้นได้ต่อยอดความสำเร็จจากกองทุนเปิดเดิมที่เพิ่งเปิด IPO เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาและได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยเชื่อว่าคุณลักษณะของที่สำคัญของอสังหาริมทรัพย์คือการสร้างรายได้ที่เกิดจากค่าเช่าซึ่งมีความเสถียรภาพอยู่พอสมควรน่าจะเหมาะสมกับผู้ลงทุนที่สนใจการลงทุนระยะยาวรูปแบบ RMF นี้” คุณไพศาลกล่าว
ผู้ที่สนใจลงทุนในกองทุนรวมทั้ง 3 กองทุนดังกล่าว สามารถติดต่อได้ที่ส่วนลูกค้าสัมพันธ์ TMBAM โทร 1725, ธนาคารทีเอ็มบีทุกสาขา และ ผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนที่ได้รับการแต่งตั้ง หรือ www.tmbam.com