นายปิยะ พงษ์อัชฌา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเอ็มที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด(มหาชน) หรือ JMT ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการติดตามเร่งรัดหนี้ บริหารหนี้ด้อยคุณภาพ ระดับแนวหน้าของไทย เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2557 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ลงนามในสัญญาโอนสิทธิเรียกร้องในหนี้ด้อยคุณภาพของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ กับธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) มีมูลค่าการซื้อหนี้ด้อยคุณภาพในครั้งนี้เท่ากับ 1,355 ล้านบาท และอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนหลังจากหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอยู่ในระดับปกติเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเป็นหนี้เสียที่มีคุณภาพ คุ้มค่า และสูงกว่าอัตราต้นทุนทางการเงินของบริษัทฯ
ทั้งนี้หนี้ที่ซื้อในครั้งนี้ เป็นหนี้ประเภทเช่าซื้อรถยนต์ก้อนเก่า และหนี้รถยนต์จากโครงการรถยนต์คันแรกในช่วงที่ผ่านมาผสมกัน ถือเป็นหนี้คุณภาพที่ทางบริษัทฯ ได้พิจารณาว่าคุ้มค่าต่อการลงทุน
“มองว่า JMT เป็นธุรกิจที่ไม่ว่าจะเศรษฐกิจขาขึ้นหรือขาลง ก็มีแต่ผลบวก เพราะถ้าอยู่ในช่วงสภาวะเศรษฐกิจไม่ดี ก็สามารถซื้อหนี้เข้าพอร์ตเพิ่มได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 3 และไตรมาส 4 เป็นช่วงที่สถาบันการเงินและหน่วยงานต่างๆ ต้องการทยอยขายหนี้ออกมาจำนวนมาก เพื่อลด NPL แต่ถ้าเศรษฐกิจดี ลูกค้าก็มีกำลังในการชำระหนี้เข้ามาได้เพิ่มขึ้น อีกทั้ง สถาบันการเงินต่างๆ ออกโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นสินเชื่อ ก็ทำให้ตลาดสินเชื่อโตขึ้นอีก เป็นโอกาสให้เข้าไปซื้อหนี้เสียได้มากขึ้นเป็นลำดับ นอกจากนี้ JMT ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ และใช้ทักษะในการเจรจาแบบประนีประนอม เพื่อหาทางออกในการชำระหนี้ จึงได้รับการตอบรับที่ดี มีลูกค้าเข้ามาชำระหนี้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงสถาบันการเงินและหน่วยงานต่างๆ ให้ความไว้วางใจ JMT เข้ามาบริหารหนี้ รวมทั้ง จากการเข้ามาเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ยิ่งช่วยเสริมความเชื่อมั่น ทำให้มีสถาบันการเงิน และหน่วยงานต่างๆ รายใหม่ เข้ามาขายหนี้ให้ JMT เพิ่มเติมอีก” นายปิยะ กล่าว
นายปิยะกล่าวเพิ่มเติมว่า ภาพรวมธุรกิจในปีนี้ JMT ได้เข้าประมูลซื้อหนี้มาบริหารเพิ่มอย่างต่อเนื่องอยู่แล้วโดยเฉพาะในช่วงต้นปีที่ผ่านมานี้ สถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่ชัดเจนส่งผลต่อการเก็บหนี้ จึงทำให้มีหนี้เสียเข้ามาในระบบเพิ่มขึ้น โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้ ก็อยู่ระหว่างประมูลซื้อหนี้ ทั้งหนี้ประเภทสินเชื่อส่วนบุคคล และหนี้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์เพิ่มเติมอีก จึงมั่นใจป้าหมายซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารเพิ่มในปีนี้อีก 13,000 ล้านบาท หรือมีพอร์ตบริหารหนี้เป็น 43,000 ล้านบาทจะเป็นไปตามนั้น สนับสนุนกำไรสุทธิทั้งปี 2557 ให้เติบโตสูง เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2556 ที่ 75.08 ล้านบาท