ทั้ง 3 คน ได้กล่าวถึงการมารวมก๊วนจัดรายการกันในครั้งนี้แบบยิงมุกไม่อั้น เริ่มที่ แต๋ง-ภูษิต ไล้ทอง ได้กล่าวว่า“เราก็ไม่ได้หายไปไหน ก็อยู่ตามหลืบตามมุมนะครับ (ล้อเล่น)” เจี๊ยบ-วัชระ ปานเอี่ยม กล่าวเสริม “ก็แยกย้ายกันไปทำมาหากินนะครับ เพราะเฉลียงไม่ทำเงินแล้ว (หัวเราะกันใหญ่) คือครั้งนี้เราไม่ได้เป็นเฉลียง แต่เราเป็น แต๋ง เจี๊ยบ ดี้ (แต๋งเสริมว่า...ก็คิดว่าน่าจะดีกว่าแบบเดิมนะครับ ฮ่าๆ) อ่ะ...ให้พี่ดี้พูดบ้าง ดี้-นิติพงษ์ ห่อนาค รับไมค์กล่าวว่า “กำลังรออยู่พอดี อยากรู้ว่าจะให้พูดเมื่อไหร่ ปกติก็แย่งพูดไม่ทัน อยู่แล้วครับ ฮ่าๆ แต่ถ้าไม่แย่งพูดก็ไม่ได้เสียหายอะไร ก็ได้เงินเท่ากัน (หัวเราะใหญ่)
เมื่อเข้าสู่โหมดจริงจัง แต๋ง-ภูษิต ไล้ทอง ซึ่งเป็นผู้ชักชวนเจี๊ยบและดี้มาร่วมก๊วนทำรายการ ได้กล่าวถึงที่มาของรายการนี้ว่า “เราเคยทำเหมือนกับสเตจโชว์ เป็นทอล์คโชว์ ชื่อว่า เฉลียง 3 ฝ่าย เมื่อสัก 4-5 ปีก่อน หลังจากนั้น คุณใหญ่-เขมทัตต์ พลเดช ได้ให้โจทย์ว่า ลองช่วยคิดรายการที่แปลกใหม่ ไม่เคยมี ก็เลยได้มาทำรายการนี้ คือในรายการทีวีในปัจจุบันยังไม่มีเรื่องของ มหรสพ พูดและเพลง ปกติจะมีพิธีกร 1 ท่าน กับ แขกรับเชิญมาคุยกัน แต่เราจะมี แขกรับเชิญ 3 ท่าน พิธีกร 3 ท่าน และมีนักร้อง 3 ท่าน แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เราคิดก็คือว่า เมื่อพวกเราดำเนินชีวิตมาถึงวัยคะนองขนาดนี้แล้ว (เจี๊ยบแซว .... 50 กว่า มันคะนองตรงไหน ฮ่าๆ) ก็มองเห็นอะไรที่เปลี่ยนไป การดำเนินชีวิตของผู้คนเยอะแยะมากมาย และวิธีคิดของพวกเราเอง ก็ค่อนข้างมีอะไรที่แตกต่าง ทั้ง 3 คน แตกต่างกัน ความเห็นไม่ตรงกันเลย”
เจี๊ยบ-วัชระ ปานเอี่ยม กล่าวเสริม “เหมือนเราจะมาทะเลาะกันให้คนดูผ่านทางทีวีครับ เวลาที่คิดไม่ตรงกัน จับประเด็นขึ้นมาสักเรื่องหนึ่ง จับคนขึ้นมาสักคน แล้ว 3 คน คิดอย่างไร ก็มาเล่า มาแชร์กัน อย่างเฟซบุ๊ค ผมว่าคุณดี้นี่เป็น เน็ตไอดอล นะครับ (แหย่ตลอดดดด) คือในอินเตอร์เน็ตก็จะมีเรื่องน่ารักๆ มีแปลกๆ มีน่าเกลียดๆ ก็เต็มไปหมดเลย เพราะฉะนั้น เป็นประเด็นที่เรานำมาคุยกันได้ ผมว่าเป็นทางเลือกอีกทาง การที่ดู พีพีทีวี เฮชดี มันเหมือนได้อัพเดทตัวเองจากคอมพิวเตอร์ตลอดเวลา โดยคุณดี้อาจจะเล่าด้วยวิธีแต่งเพลง ผมก็เล่าด้วยเนื้อเพลง คุณแต๋งก็เล่าด้วยแซ็กโซโฟน อะไรประมาณนี้เป็นต้น”
อย่างด้านดนตรีพิเศษๆ ที่นำมาแสดงในรายการ แต๋ง-ภูษิต ไล้ทอง ได้กล่าวว่า “ผมมีความรู้ทางดนตรีพอสมควร (เจี๊ยบ ... “ผมก็มี ทำไมอ่ะ!” แหย่กันตลอด) ก็พอจะรู้ว่า เรา 3 คน นี้คงไม่รอดครับ ฮ่าๆ ก็เลยไปเอาวงดนตรีมา ผมว่าวงการดนตรีในประเทศไทยดีๆ ในปัจจุบันยังมีน้อย และดนตรีมันก็มีหลายรูปแบบที่เราไม่ค่อยได้เห็นกัน ก็ได้เชิญมาเล่น ได้มาโชว์กัน ไม่ได้มีเราแค่ 3 คน เรามีตั้งแต่เด็กเล็กๆ ที่ไปชนะประกวดต่างประเทศด้วยเพลงนกขมิ้น ก็ได้เชิญมา แล้วก็จะมีแขกรับเชิญที่เป็นนักร้อง นักดนตรีที่มีความสามารถ ซึ่งอาจจะห่างหายไป และมีเด็กรุ่นใหม่ๆ ขึ้นมาที่เก่งและมีความสามารถเข้ามาโชว์กันครับ”
ปิดท้ายด้วยการฝากฝังผลงานชิ้นนี้กันอย่างไม่ทิ้งความฮา โดย เจี๊ยบ-วัชระ ปานเอี่ยม ประเดิมว่า “ดูกันนะ 3 คน รวมกัน อายุก็ 150 กว่าแล้ว อายุก็ทำได้อีกไม่กี่ปี รีบๆ ดูกันซะนะครับ ฮ่าๆ...(หัวเราะกันใหญ่) แต๋ง-ภูษิต ไล้ทอง กล่าวถึงความพิเศษที่ผู้ชมจะได้รับว่า “คนดูจะได้สนุกกับเรื่องราวที่พวกเรานำเสนอ ไม่ว่าจะเป็นเวลาที่เรามาพูดคุยกัน มีเรื่องราวดีๆ ที่มานำเสนอ ผมคิดว่ามันคงจะสะท้อนเมื่อเรามองเห็นเหตุการณ์อะไรที่สะท้อนกับสังคม ก็ต้องนำไปคิดว่า สิ่งเหล่านั้นมันเกิดขึ้นอย่างไร วิธีที่จะดำเนินไป แก้ไขมันให้ดีขึ้นควรจะทำด้วยวิธีใด เป็นเรื่องของการฝึกให้ผู้คนรู้จักตั้งคำถามในสังคมว่ามันมีเรื่องนี้เกิดขึ้น มันดีหรือไม่ดี อย่างไร ครับ” ส่วน ดี้-นิติพงษ์ ห่อนาค พูดน้อยแต่แย่งซีนจบอย่างฮาๆ ว่า “ผมขออารธนาคุณพระศรีรัตนตรัยให้คุ้มครองรายการเราและพีพีทีวีตลอดรอดฝั่งด้วยนะครับ ..... สาธุ”
แหม...ถึงแม้ว่าพี่ดี้ของเราจะพูดน้อย แต่ก็แย่งซีนจบจนทุกคนต้องพนมมือรับพรตามๆ กันเลยทีเดียว นี่ยังเป็นแค่น้ำจิ้ม ถ้าอยากได้ความสนุกครบรสต้องติดตามทางรายการ “แต๋ง เจี๊ยบ ดี้ วาไรตี้ 3 ฝ่าย” ทุกวันอาทิตย์ เวลา 22.30-23.30 น. ทางช่องพีพีทีวี เอชดี ดิจิตอลทีวี ช่อง 36 หรือทางเคเบิลและทีวีดาวเทียมช่อง 6 และ 46 เริ่มเดือนกรกฎาคมนี้เป็นต้นไป.....