นายเนติธร ประดิษฐ์สาร ผู้อำนวยการฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ด้วยความสำคัญของจังหวัดมุกดาหารและสะหวันนะเขต สปป. ลาว ที่เชื่อมโยงกันด้วยสะพานมิตรภาพ 2 (มุกดาหาร-สะหวันนะเขต) ในฐานะจุดยุทธศาสตร์สำคัญเพราะเป็นเส้นทางหลักที่จะเชื่อมไปถึงเมืองเว้และดานังของเวียดนาม ผ่านเส้นทางหมายเลข 9 อันเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางที่จะเชื่อม AEC เข้าด้วยกัน ดังนั้น จุดผ่านแดนสะหวันนะเขต-มุกดาหาร จึงเป็นจุดผ่านแดนที่มีประชาชนทั้งไทยและลาวมาใช้บริการในแต่ละวันเป็นจำนวนมากและมีแนวโน้มว่าจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ปัจจุบัน ลูกค้าของบิ๊กซีก็เดินทางข้ามจากฝั่ง สปป. ลาวเพื่อมาจับจ่ายซื้อของที่บิ๊กซี มุกดาหาร เป็นประจำ จึงเกิดเป็นความผูกพันระหว่างคนไทยและคนลาวริมสองฝั่งโขง และบิ๊กซี มุกดาหาร ก็ร่วมสนับสนุนกิจกรรมเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ จนกลายเป็นเสมือนหนึ่งสมาชิกชุมชนในเมืองสะหวันนะเขต ด้วยเสน่ห์ของโครงการที่เชื่อมโยงสองประเทศอันเป็นส่วนหนึ่งของการชูบทบาทบิ๊กซีในการสนับสนุน AEC โครงการนี้จึงได้รับคัดเลือก และบิ๊กซีหวังว่าศาลาทั้ง 5 หลังจะถือเป็นสัญลักษณ์ยืนยันมิตรภาพที่แน่นแฟ้นระหว่างบิ๊กซีกับชุมชนในเมืองสะหวันนะเขต
เกี่ยวกับนโยบายการพัฒนาชุมชนท้องถิ่นอย่างยั่งยืนของบิ๊กซีนั้น บิ๊กซีให้ความสำคัญกับ 4 มิติ ได้แก่ การศึกษา สุขภาพ สิ่งแวดล้อม และการพัฒนาชุมชน โดยเฉพาะในโอกาสครบรอบ 20 ปีเมื่อปี 2556 ที่ผ่านมา บิ๊กซีได้จัดโครงการ “20 ปี บิ๊กซี จับมือทำดีเพื่อชุมชน” ร่วมกับกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย และส่งมอบโครงการให้กับชุมชนทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยบิ๊กซีได้ส่งมอบไปแล้ว 7 โครงการด้วยกัน ได้แก่ 1. โครงการห้องเรียนฟื้นฟูพัฒนาการน้องผู้พิการ จังหวัดนครสวรรค์ 2. โครงการสร้างแทงก์น้ำสะอาดเพื่อน้องที่อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ 3. โครงการสร้างศาลาเอนกประสงค์ ณ ศูนย์อนุรักษ์นกยูงไทย จังหวัดลำพูน 4. โครงการสร้างธนาคารปูม้า เกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี 5. โครงการศาลาเรียนรู้เอนกประสงค์ ณ โครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ จังหวัดชุมพร 6. โครงการห้องทำอาหารเด็กอ่อน คลองเตย มูลนิธิเด็กอ่อนในสลัมฯ และ 7. ศาลาพักผ่อน ณ สวนสุขภาพศาลากลาง จังหวัดนนทบุรี โดยโครงการที่สะหวันนะเขตนี้เป็นโครงการที่ 8
นายเนติธรชี้แจงแนวคิดหลักของโครงการว่า ด้วยปณิธานอันมุ่งมั่นของบิ๊กซีที่ต้องการเป็นห้างค้าปลีกธรรมดาที่ให้ความสำคัญกับชุมชน จึงได้เล็งเห็นความสำคัญของการเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน ซึ่งโครงการบิ๊กซี จับมือทำดีเพื่อชุมชนดำเนินการโดยมีแนวทางหลักคือ ชุมชนคิด ชุมชนทำ บิ๊กซีร่วมสร้างสรรค์ เพื่อให้กิจกรรมสะท้อนความต้องการที่แท้จริงของชุมชนและให้ชุมชนมีส่วนร่วมตั้งแต่ต้น บิ๊กซีหวังว่า โครงการเหล่านี้จะสามารถเป็นต้นแบบในการร่วมกันพัฒนาชุมชนระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชนและชุมชน ที่ตอบโจทย์ความต้องการของชุมชนในทุกพื้นที่ โดยอาจเป็นการต่อยอดจากโครงการที่มีอยู่เดิมหรือจะเริ่มพัฒนาโครงการใหม่ก็ได้
“บิ๊กซีได้เริ่มโครงการเหล่านี้มาแล้วในโอกาสครบรอบ 20 ปีเมื่อปีที่แล้ว และก็พร้อมที่จะเดินหน้าต่อไปในปี 2557 นี้ โดยบิ๊กซีได้จัดเตรียมกิจกรรมเพื่อชุมชนที่น่าสนใจไว้อีกหลายกิจกรรมด้วยกัน เพราะเรามุ่งมั่นในการเป็นห้างค้าปลีกเพื่อชุมชน ที่นอกจากจะรักษาความเชื่อมั่นและความไว้วางใจของลูกค้าทั่วประเทศด้วยการเป็นผู้นำด้านราคาถูกและการบริการแล้ว สิ่งสำคัญ คือ การตอบแทนสังคม เพื่อประโยชน์สูงสุดของทั้งผู้บริโภคและชุมชนอย่างยั่งยืนตลอดไป” นายเนติธร กล่าวทิ้งท้าย