จากสถานการณ์รอบด้านเป็นบวก
มร.ราวิ คานต์ รองประธานกรรมการ บริษัท ทาทา มอเตอร์ส บุคคลสำคัญผู้ก่อตั้ง บริษัท ทาทา มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด มาเยือนประเทศไทย โดยมี มร.ซานเจย์ มิชรา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทาทา มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมทีมผู้บริหารและพนักงาน ทาทา มอเตอร์ส ประเทศไทย ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ระหว่างการจัดงานเลี้ยงต้อนรับ มร.ราวิ คานต์ ได้แนะนำกลยุทธ์ที่จะช่วยสร้างแบรนด์ ทาทา มอเตอร์ส ให้เติบโตมากยิ่งขึ้นในประเทศไทย รวมทั้งกลยุทธ์ต่างๆ ที่จะขยายเครือข่าย เพิ่มขีดความสามารถ ในการแข่งขันทางธุรกิจ “เราจะมุ่งเน้นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการเพื่อตอบสนอง
ได้ตรงกับความต้องการของลูกค้า อำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าจากการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย และสร้างความพึงพอใจจากบริการหลังการขายที่ดีที่สุด อย่างไรก็ตามทุกนโยบายของ ทาทา มอเตอร์ส เราเน้นนโยบายที่จะต้องสามารถปฎิบัติงานได้จริง เราจึงให้ความสำคัญกับพนักงานทุกๆ คนของบริษัท เพราะพนักงานทุกคนจะเป็นกุญแจดอกสำคัญที่จะทำให้นโยบายต่างๆ สามารถนำมาปฎิบัติได้ จนเป็นผลสำเร็จต่อบริษัท” มร.ราวิ คานต์ กล่าว
มร.ราวิ คานต์ ยังได้กล่าวถึงสถานการณ์ปัจจุบันในประเทศไทยอีกว่า “ผมเชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจไทย มีรากฐานที่มั่นคงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ดังนั้นเราจึงไม่มีความเป็นห่วงใดๆ ในเรื่องของการลงทุน และการดำเนินกิจกรรมทางการตลาดของ ทาทา มอเตอร์ส ประเทศไทย ในขณะนี้รวมไปถึงในอนาคต เนื่องจากเรามองว่า ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยเป็นตลาดที่สำคัญมากสำหรับเรา และเราก็พร้อม ที่จะขยายแบรนด์ ทาทา มอเตอร์ส ให้เป็นที่รู้จักและได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าชาวไทย”
ส่วนทางด้าน มร.ซานเจย์ มิชรา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทาทา มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “มร. ราวิ คานต์ เป็นบุคคลสำคัญผู้ก่อตั้ง บริษัท ทาทา มอเตอร์ส ประเทศไทย และความสำเร็จของบริษัทฯ นั้น เนื่องจาก มร.ราวิ คานต์ เป็นผู้ให้คำแนะนำมาโดยตลอด การมาเยือนประเทศไทยครั้งนี้ ท่านได้สละเวลามาให้แนวคิดในการพัฒนา ทาทา มอเตอร์ส ประเทศไทย ซึ่งเราก็พร้อมที่จะนำแนวคิดของท่านไปปฏิบัติเพื่อเพิ่มศักยภาพในการสร้างแบรนด์ ทาทา มอเตอร์ส ให้เติบโตในประเทศไทย
อย่างมั่นคง ขณะเดียวกันผมก็มีความคิดเห็นเดียวกันว่า พื้นฐานเศรษฐกิจไทยมีรากฐานที่มั่นคงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ จากสถานการณ์ต่างๆ รอบด้าน ที่เป็นไปในทางที่ดีขึ้น ทั้งนี้จะทำให้ผู้ประกอบการ นักธุรกิจมีความมั่นใจในการดำเนินธุรกิจและการลงทุนมากขึ้น เช่นเดียวกัน เราก็มีความเชื่อมั่นมากยิ่งขึ้นในการดำเนินกิจกรรมทางการตลาด และการลงทุนในประเทศไทย จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เรามองว่า เศรษฐกิจในช่วงปลายปีนี้น่าจะดีขึ้นรวมทั้งตลาดรถยนต์
น่าจะมีความคึกคักมากกว่าในช่วงปลายปีที่ผ่านมา”