นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น ชี้แจงว่า “กลุ่ม AXIATA หรือเดิมคือ เทเลคอมมาเลเซีย ได้เข้ามาถือหุ้นในกลุ่มบริษัทสามารถ นับตั้งแต่ปี 2540 ถือเป็นพันธมิตรที่มีความสัมพันธ์แข็งแกร่งและยาวนานเกือบ 17 ปี การบรรลุข้อตกลงครั้งนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะมีข้อขัดแย้งใดๆ แต่มีที่มาจากเหตุผลทางธุรกิจและนโยบายการลงทุนของกลุ่ม AXIATA เป็นหลัก ทั้งนี้ เนื่องจาก AXIATAประกอบธุรกิจหลักในการเป็นผู้ให้บริการโครงข่ายโทรศัพท์มือถือ หรือ Mobile Operator ในขณะที่ขอบข่ายธุรกิจปัจจุบันของสามารถ ไอ-โมบาย มุ่งเน้นการจำหน่ายมือถือและการให้บริการคอนเทนส์ จึงไม่สอดคล้องโดยตรงกับธุรกิจหลักของ AXIATA อีกทั้งกลุ่มบริษัทสามารถก็มีนโยบายในการจะถือครองหุ้นในบริษัทลูกไม่ต่ำกว่า 70 เปอร์เซนต์โดยประมาณ เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนและเพิ่มความคล่องตัวในการบริหารงาน จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการเจรจาและนำมาซึ่งข้อตกลงที่น่าพึงพอใจของทั้งสองฝ่าย”
“การเปลี่ยนแปลงสัดส่วนผู้ถือหุ้นครั้งนี้ จะไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อเสถียรภาพและความแข็งแกร่งของสามารถ ไอ-โมบาย อย่างแน่นอน โดยบริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นที่จะก้าวสู่ความเป็นผู้นำในธุรกิจการจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ การให้บริการคอนเทนส์ผ่านสื่อมัลติมีเดีย และการให้บริการMVNO อย่างเต็มรูปแบบ โดยผลประกอบการที่ผ่านมา ก็ได้สะท้อนถึงแนวโน้มการเติบโตทางธุรกิจของไอ-โมบายอย่างชัดเจนและต่อเนื่อง โดยเฉพาะการขยายตัวของตลาด Smart Phone ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการเพิ่มขึ้นของรายได้และกำไรอย่างโดดเด่น ล่าสุด ในไตรมาสแรกของปี 57 ไอ-โมบายสามารถจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ Smart Phone และ Feature Phone รวมกันแล้วกว่า 1 ล้านเครื่อง โดยมีราคาขายเฉลี่ยขยับสูงขึ้นถึง 16 เปอร์เซนต์ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เรายังคงมั่นใจว่าจะสามารถจำหน่ายโทรศัพท์มือถือในปี 57 ได้ถึง 4 ล้านเครื่อง ประมาณการรายได้เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 20 เปอร์เซนต์ เมื่อเทียบกับปี 56 ยิ่งไปกว่านั้น การเข้าซื้อหุ้นไอ-โมบายครั้งนี้ ยังจะส่งผลบวกต่อกำไรในงบการเงินรวมของบมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นบริษัทแม่ เพราะจะสามารถรับรู้ผลกำไรของไอ-โมบายเพิ่มขึ้นตามสัดส่วนการถือครองหุ้น จากเดิมประมาณ 57 เปอร์เซนต์ เป็น 70 กว่าเปอร์เซนต์โดยประมาณ” นายวัฒน์ชัยกล่าวปิดท้ายด้วยความมั่นใจ