ในช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมาดิ เอ็มเพอเร่อร์ เฮ้าส์ ได้ดำเนินกลยุทธ์ทางธุรกิจด้วยการกำหนดตำแหน่งทางธุรกิจให้ตัวเองเป็น “ผู้นำตลาดรับสร้างบ้านระดับสูง” (Leadership Strategy) อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ดิ เอ็มเพอเร่อร์ เฮ้าส์ ต้องคิดและพัฒนาตัวเองเพื่อนำตัวเองไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ ดังจะเห็นได้ว่าในปี 2544 เราได้นำระบบอัจฉริยะเข้ามาใช้เป็นครั้งแรกในวงการรับสร้างบ้าน และในปี 2547 บริษัทฯ ได้ส่งมอบบ้านหลังที่มูลค่าสูงสุดในวงการธุรกิจรับสร้างบ้านด้วยมูลค่าถึง 217 ล้านบาท ในปี 2549 บริษัทฯแสดงจุดยืนผู้นำทางการตลาด ด้วยความไว้วางใจของลูกค้าให้ติดโลโก้ของบริษัทฯ ไว้ที่หน้าบ้าน และด้วยผลงานการออกแบบ และเพื่อพิสูจน์ศักยภาพ ผลงาน และความไว้วางใจจากลูกค้าทำให้ในปี 2551 ดิ เอ็มเพอเร่อร์ เฮ้าส์ ได้รวบรวมผลงานมาเป็นหนังสือ The House of the Emperor ซึ่งเป็นครั้งแรกของวงการรับสร้างบ้านไทยที่มีนำผลงานจริงที่ส่งมอบแล้ว และ knowhowในการสร้างบ้านมารวบรวมเป็นเล่ม และวางจำหน่าย จากนั้นในปี 2554 ได้เริ่มฝากผลงานการออกแบบและสร้างบ้านที่ สปป.ลาว ซึ่งในปีเดียวกันนี้เองทาง ดิ เอ็มเพอเร่อร์ เฮ้าส์ได้ทุบสถิติการสร้างบ้านที่มีราคาสูงที่สุดอีกหนึ่งหลังในราคาถึง 260 ล้านบาท ความเติบโตของมาดิ เอ็มเพอเร่อร์ เฮ้าส์เติบโตขึ้นตามลำดับทำให้ในปี 2556 ได้เซ็นสัญญาความร่วมมือระหว่าง ไทย-สปป.ลาว ก่อตั้งบริษัท ดิ เอ็มเพอเร่อร์ เฮ้าส์ (สปป.ลาว) จำกัด พร้อมทั้งสร้างนวัตกรรมการออกแบบอีกครั้งด้วยการนำศิลปะสไตล์อาร์ต เดคโค่ (Art Deco) มาเปิดตัวสร้างเป็นแบบบ้านหรูครั้งแรกในวงการ และในปี 2557 เป็นอีกปีหนึ่งที่ได้รวบรวมแบบบ้านเพื่อรวบรวมเป็นหนังสือ The House of The Emperor Volume 2 ทั้งยังมีกำหนดการส่งมอบบ้านพักอาศัยที่มีมูลค่ากว่า 330 ล้านบาท ซึ่งน่าจะเป็นการทำลายสถิติใหม่ของวงการรับสร้างบ้านอีกครั้ง
จากการใช้กลยุทธ์ทางธุรกิจเพื่อเป็นผู้นำตลาดรับสร้างบ้านระดับสูงนายสุรัตน์ชัย กึงฮะกิจ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ดิ เอ็มเพอเร่อร์ เฮ้าส์ จำกัด กล่าวถึงแผนการดำเนินธุรกิจแบบ Leadership Strategy โดยการเปิดตัว “บ้าน ๑๐๐ ปี : สถาปัตยกรรมเพื่อสร้างตำนาน” ว่า “การวางตำแหน่งตัวเองให้เป็น Leadership Strategy ทำให้เราต้องคิดตลอดเวลา อย่างน้อยเพื่อตัวเราเอง และเพื่อลูกค้าที่ไว้ใจการทำงานของเรา ตัวอย่างล่าสุดของกลยุทธ์นี้ คือ การคิดทำ “บ้าน ๑๐๐ ปี : สถาปัตยกรรมเพื่อสร้างตำนาน” โดยเกิดจากการประชุมศึกษาและค้นคว้าข้อมูลของทีมงาน ดิ เอ็มเพอเร่อร์ เฮ้าส์ ประกอบกับใช้ประสบการณ์กว่า 26 ปี ในการสร้างบ้านหรู หลังใหญ่ ทำให้เราศึกษาและค้นคว้าในเรื่องของการออกแบบและวัสดุที่คงทน เพื่อให้เกิดบ้านที่สามารถอยู่ได้เกิน 100 ปี เรารู้ถึงความต้องการของลูกค้า, ข้อจำกัดในงานก่อสร้าง, และข้อสำคัญคือ การดูแลรักษาบ้านหลังงามให้คงอยู่สวยงามตลอดไป เช่น การเปลี่ยนไฟสักดวงบนโคมระย้าหลังงาม จะทำได้อย่างไร ซึ่งเล็กๆ เพียงแค่นี้เป็นงานด้านการดูแลรักษาที่เราได้เตรียมคิดไว้ให้แล้ว โดยบ้าน ๑๐๐ ปี จะประกอบไปด้วยหลักง่ายๆ ได้แก่ มีความคงทน ถาวร เหนือกาลเวลา, ดูแลบำรุงรักษาได้ง่าย และสะดวก และรองรับการเปลี่ยนแปลงของ ระบบและเทคโนโลยี ในอนาคต ซึ่งทั้งหมดถูกรวบรวมไว้ภายใต้แนวคิด 5S ซึ่งเป็นแนวคิดมาตรฐานสำหรับบ้าน ๑๐๐ ปี”
แนวคิดของบ้าน ๑๐๐ ปี : สถาปัตยกรรมเพื่อสร้างตำนาน เป็นแนวคิดที่ ดิ เอ็มเพอเร่อร์ เฮ้าส์ สร้างสรรค์ขึ้น โดยบ้านหลังนี้ได้ถูกคำนึงถึงองค์ประกอบ 5S เป็นสำคัญ ได้แก่
S-Story มาจากคำว่า Style+History โดย History คือ ข้อมูลสำคัญที่ได้จากการพูดคุยถึงจุดเริ่มต้นของบ้าน ประวัติความเป็นมาของบ้าน โดยลูกค้าต้องสื่อสารกับสถาปนิกผู้ออกแบบ เล่าถึงแรงบันดาลใจ ในการคิดที่จะสร้างบ้าน เพื่อสร้างเป็นเรื่องราว และจินตนาการ ให้สถาปนิกถ่ายทอดออกมาเป็นบ้านหลังงาม พร้อมที่จะส่งต่อกันจากรุ่น..สู่รุ่น จากนั้นจึงมาถึงการเลือก Style ของบ้าน โดยลูกค้าอาจจะต้องการบ้านในสไตล์คลาสสิค ซึ่งมีหลายยุคหลายสมัย หรือแม้แต่งานในแบบของอาร์ท เดคโค เป็นต้น โดยจะเน้นแบบที่มีสัดส่วนและองค์ประกอบ ที่ลงตัวตามหลักการออกแบบ และการปรับรูปแบบให้สอดคล้องกับภูมิอากาศแบบร้อนชื้นของไทยได้อย่างลงตัว ส่วนการแบ่งพื้นที่ใช้สอยภายใน เพื่อสนองตอบความต้องการของเจ้าของบ้านได้อย่างแท้จริง
S–Structure การออกแบบโครงสร้างพิเศษที่เหนือกว่าบ้านเพราะวิศวกรจะกำหนดให้บ้านมีการรับน้ำหนักได้สูงกว่าบ้านปกติโดยทั่วไป อาจมีการกำหนดระยะเสากว้างถึง12เมตร หรือโครงสร้างที่ออกแบบให้มารับโดมหลังคาที่มีน้ำหนักเป็น 10 ตันเป็นต้น มีการคำนึงถึงการเปลี่ยน แปลงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นภัยน้ำท่วม แผ่นดินไหว สภาพอากาศที่แปรปรวน
S – Specification รายการวัสดุก่อสร้างที่มีคุณภาพ คัดสรรจาก Supplier ที่ได้รับการยอมรับในสินค้าและบริการที่สามารถจะอยู่คู่กับบ้านหลังนี้ตราบนานเท่านาน โดยวัสดุหลักสำคัญทั้ง 5 รายก็พร้อมที่จะเปิดตัวในวันนี้
S - Standard ด้วยมาตรฐาน และการบริหารงานก่อสร้าง แบบ The Emperor House ที่เหนือกว่าบ้านทั่วไป ซึ่งวันนี้เรากล้าพอที่จะเปิดเผยถึงขั้นตอนบางส่วนในกระบวนการก่อสร้างของเราลงในหนังสือและออกจำหน่าย เพื่อพิสูจน์ให้เห็นในขั้นตอนที่เหนือกว่า ทำให้บ้านทุกหลังได้คุณภาพเหนือกว่ามาตรฐาน อีกทั้งการพัฒนาทีมงานที่มีประสบการณ์ในการสร้างบ้านพักอาศัยระดับสูง รวมถึงทีมงานที่คอยให้คำแนะนำและดูแลอย่างใกล้ชิด
S- Service การดูแลบ้านให้มีอายุยืนนานจะต้องมีการซ่อมบำรุงตามระยะเวลา ทั้งนี้จะต้องเตรียมเรื่องของวิธีการซ่อมบำรุง ที่สามารถทำได้โดยไม่ยุ่งยาก วัสดุ/อุปกรณ์บางตัวอาจต้องเปลี่ยนตามสภาพการใช้งาน หรือเพิ่มเติมได้อย่างสะดวกสบาย แม้อายุของบ้านจะผ่านไปนับ100ปีก็ตาม
“บ้าน ๑๐๐ ปี : สถาปัตยกรรมเพื่อสร้างตำนาน เราได้คัดสรร Supplier(S-Specification) ชั้นนำระดับแนวหน้าของไทย เพื่อเลือกใช้วัสดุที่ดีมีคุณภาพเยี่ยมที่สุดมาใช้ โดยในครั้งนี้เราได้มีทั้งบริษัท เอสซีจี ซีเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด, บริษัท โจตันไทย จำกัด, บริษัท บาส-รีลีฟ(ประเทศไทย)จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายบัวประดับเพดาน-ผนัง บัวสำเร็จรูป, บริษัท นวพลาสติก อุตสาหกรรม จำกัด ตัวแทนประกอบและจำหน่าย หน้าต่างประตู WINDSOR และบริษัท ไอบิวท์ ออโตเมชั่น จำกัด บริษัทติดตั้งระบบ Home Automation ซึ่งผมต้องขอขอบคุณทุกท่าน เป็นอย่างสูงที่สนับสนุน และเป็นส่วนหนึ่งให้บ้าน ๑๐๐ ปี ได้เกิดขึ้น” นายสุรัตน์ชัยกล่าว
สำหรับบ้าน ๑๐๐ ปี : สถาปัตยกรรมเพื่อสร้างตำนาน คือ บ้านรุ่น Pride of Emperor ซึ่งออกแบบมาเป็นแบบแรก โดยเป็นบ้านสไตล์คลาสสิค บนพื้นที่ใช้สอยกว่า 1,345 ตร.ม, 4 ห้องนอน, 5 ห้องน้ำ, ห้องรับแขก, ห้องรับประทานอาหาร, ห้องโฮม เธียร์เตอร์, ห้องฟิตเนส, และอื่นๆ และมีการใส่ระบบ infrastructure อย่างดีเยี่ยม เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับช่างและเจ้าของบ้านในการดูแลบ้านในระยะยาว โดยบ้านหลังนี้มีราคาค่าก่อสร้างจะเริ่มต้นอยู่ที่ 58.5 ล้านบาท และสูงสุดคาดว่าจะอยู่ที่ 85 ล้านบาท
บริษัท ดิ เอ็มเพอเร่อร์ เฮ้าส์ จำกัด ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2531 โดยเริ่มต้นด้วยการดำเนินธุรกิจรับเหมาก่อสร้างภายใต้ชื่อบริษัท เอ็มไพร์ กรุ๊ป จำกัด โดยรับสร้างบ้านหลังแรกในราคาเพียง 5 ล้านบาท ในปี2532 จนกระทั่งในปี 2539 ได้ปรับเปลี่ยนการดำเนินธุรกิจเป็นบริษัทรับสร้างบ้านพักอาศัยระดับสูง โดยเน้นสไตล์การก่อสร้างแบบคลาสสิคเป็นสำคัญ และเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท ดิ เอ็มเพอเร่อร์ เฮ้าส์ จำกัด โดยปัจจุบันบริษัท ดิ เอ็มเพอเร่อร์ เฮ้าส์ จำกัด มีบริษัทในเครือทั้งสิ้นอีก 3 บริษัท เพื่อรองรับธุรกิจรับสร้างบ้านอย่างครบวงจร ได้แก่ ธุรกิจออกแบบ/ก่อสร้างบ้านพักอาศัยระดับสูง, การออกแบบตกแต่งภายใน และตัวแทนจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์นำเข้าจากประเทศอิตาลี