1. ค่าใช้จ่ายในการประเมินหลักประกัน ก่อนพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ ทางธนาคารต้องมีการประเมินก่อนว่าสินทรัพย์ค้ำประกันเหมาะสมกับสินเชื่อที่ยื่นขอหรือไม่ โดยธนาคารส่วนใหญ่จะจ้างบริษัทจากภายนอกมา้เป็นผู้ประเมินซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น ซึ่งค่าใช้จ่ายเหล่านี้ ผู้ขอสินเชื่อต้องเป็นคนจ่าย โดยแต่ละธนาคารจะเรียกเก็บในอัตราที่ต่างกัน ในกรณีที่เป็นบ้านสร้างเอง แต่ถ้าเป็นบ้านจัดสรรหรือโครงการเปิดใหม่ มักมีการประเมินราคาตั้งแต่แรกสร้างหรือประเมินมูลค่ารวมทั้งโครงการไปแล้ว จึงไม่ต้องเสียค่าประเมินอีก
2. ค่าธรรมเนียมการยื่นกู้ ในอดีตทุกธนาคารจะจัดเก็บค่าธรรมเนียมนี้ในอัตราประมาณ 0.1 – 0. 25% ของยอดขอสินเชื่อ แต่ต่อมาได้มีการยกเลิกไปแล้วหลายธนาคาร เพื่อเป็นการจูงใจให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการมากขึ้น ค่าธรรมเนียมในส่วนนี้จึงต้องสอบถามกับทางธนาคารที่ยื่นขอสินเชื่อก่อน
3. ค่าจดทะเบียนจำนองหลักประกัน ค่าจดจำนองหลักประกันจะเก็บในอัตรา 1% ของราคาประเมิน แต่ไม่เกิน 200,000 บาท โดยทางธนาคารจะกำหนดให้ผู้ขอสินเชื่อจดทะเบียนจำนองหลักประกันไว้
4 . ค่าประกันภัยต่างๆ ประกันภัยเกี่ยวกับบ้านหลักๆ แล้วมี 3 ประเภทคือ ประกันอัคคีภัย ประกันภัยพิบัติ และประกันคุ้มครองสินเชื่อ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ รู้จักประกันภัยเกี่ยวกับบ้าน
ซึ่งประกันที่ถูกบังคับให้ทำมีเพียงประเภทเดียวคือประกันอัคคีภัย ส่วนประกันประเภทอื่นๆ จะทำหรือไม่ทางธนาคารไม่มีสิทธิบังคับ
5 . ค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่าอากรแสตมป์ ค่าหนังสือมอบอำนาจ ฯลฯ
ค่าใช้จ่ายเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายที่จ่ายครั้งเดียวจบ ไม่มีการเก็บต่อเนื่องเหมือนดอกเบี้ย ตลอดการกู้ยืมจึงต้องเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายเหล่านี้ และเลือกใช้บริการธนาคารที่มีเงื่อนไขที่ดีที่สุด เมื่อรวมอัตราดอกเบี้ยแล้ว หรือค่าใช้จ่ายต่อเนื่องอื่นๆ
ที่มา www.terrabkk.com