แพทย์และผู้เชี่ยวชาญสมุนไพรแนะ แก้ฝ้าด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ

พุธ ๒๓ กรกฎาคม ๒๐๑๔ ๑๖:๕๙
จากสภาพภูมิอากาศของประเทศไทยที่มีอากาศร้อนและแสงแดดแรง จึงเป็นสาเหตุให้ผิวหน้าต้องเผชิญกับปัญหาทั้งกระ ฝ้า และจุดด่างดำ โดยกระและฝ้านั้นเกิดจากเซลล์ผลิตเม็ดสี (Melanin) ใต้ผิวหนังผิดปกติจนเกิดเป็นจุดสีน้ำตาลหรือดำ โดยเฉพาะบริเวณหน้าผาก โหนกแก้ม หรือสันจมูก ส่วนใหญ่พบในผู้หญิงช่วงอายุ 25 ปีขึ้นไป

นพ.ธเนศ อมรพิทักษ์กูล หรือ หมอแบงค์ แพทย์แผนปัจจุบันและผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร เจ้าของ Herb Plus คลินิก เผยว่า ปัญหาและอันตรายที่เกิดจากกระ ผ้า บนใบหน้านั้น จริงๆ แล้วไม่มี เพียงแค่ทำให้ใบหน้าดูหมองคล้ำเท่านั้น และถึงแม้กระ ฝ้า เป็นโรคผิวหนังที่ไม่มีอันตรายต่อร่างกาย แต่มีผลเสียต่อจิตใจผู้หญิงเพราะสร้างความกังวลใจในเรื่องของความสวยความงาม ดังนั้นจึงควรหมั่นสังเกตความเปลี่ยนแปลงของสีผิว หากบริเวณผิวหน้ามีรอยสีเทาหรือสีน้ำตาลบริเวณหน้าผาก โหนกแก้ม หรือสันจมูก ควรรีบดูแลแต่เนิ่นๆ ดีกว่าปล่อยทิ้งไว้นานๆ เพราะสามารถแก้ไขได้ง่ายกว่า

นพ.ธเนศ กล่าวว่า ปัจจุบันโดยทั่วไปมี 2 วิธีที่นิยมใช้ในการรักษาฝ้า คือ 1.การทำเลเซอร์ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงในการรักษา และ 2.การใช้ครีมทาแก้ฝ้าที่ส่วนใหญ่ใช้สารเคมีเป็นส่วนผสม ซึ่งจะต้องใช้เวลานานอย่างน้อย 3 เดือน ถึงจะเริ่มเห็นผล และมีผลข้างเคียง เช่น อาการระคายเคืองผิว เกิดอาการแสบร้อนบริเวณที่ทา เกิดเป็นจุดด่างขาว หรือผิวหนังบางลงจากสเตียรอยด์สังเคราะห์ที่ผสมในครีมทาแก้ฝ้า ซึ่งทั้งวิธีการทำเลเซอร์และใช้ครีมทาแก้ฝ้า มีหลายรายที่ฝ้ากลับมาเป็นเหมือนเดิมและดำกว่าเดิม เรียกได้ว่า “ยิ่งทำ ยิ่งแย่” นั่นเอง

“ปัจจุบันนี้ทั่วโลกเริ่มมีการนำครีมสมุนไพรสกัดบริสุทธิ์มาใช้แก้ปัญหาเรื่องฝ้าแทนครีมทาผิวแบบเดิมๆ ซึ่งจากประสบ การณ์การรักษา พบว่าการใช้สมุนไพรสกัดจาก Green Tea (ชาเขียว), Mulberry (ลูกหม่อน), Curcumin (ขมิ้น), Centella Asiatica (ใบบัวบก), Matsutake (มัตซึทาเกะ) และ Camellia (ดอกคามิเลีย) ได้ผลดีมากและมีประสิทธิภาพเร็วกว่าครีมที่มีส่วนผสมของสารเคมี ใช้ไม่ถึง 7 วันก็เริ่มเห็นว่าฝ้าจางลงแล้ว เรียกได้ว่าใช้ได้อย่างปลอดภัย และสบายใจได้และการใช้ครีมสมุนไพรสกัดบริสุทธิ์นั้น ช่วยให้ฝ้าเริ่มลบเลือนภายในช่วงเวลาแค่ 1-2 สัปดาห์ โดยผิวไม่ลอกหรือแดงเวลาเจอแสงแดด ที่สำคัญสารสกัดสมุนไพรเหล่านี้ไม่ทำลายผิวให้กลับมาหมองคล้ำดำ จึงใช้ได้นานโดยไม่เกิดปัญหาใดๆ เรียกได้ว่ามีความปลอดภัยสูง โดยไม่ส่งผลข้างเคียงระยะยาว” นพ.ธเนศ แนะนำ

นอกจากการใช้ครีมทาแก้ฝ้าแล้ว สิ่งที่ต้องทำควบคู่ไปกับการป้องกันการเกิดฝ้าใหม่ด้วยก็คือ ต้องหลีกเหลี่ยงปัจจัยกระตุ้นต่างๆ โดยเฉพาะแสงแดด ควรทาครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิวขณะออกแดด และควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าที่มีคุณภาพสูง เพื่อที่จะดูแลให้หน้าสวยใสอยู่คู่กับเราไปนานๆ

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๕๐ พี อาร์ จี ร่วมยินดีเปิด สนามพิคเคิลบอล แห่งใหม่ที่ริเวอร์เดล มารีน่า
๑๖:๐๖ วว. คว้ารางวัลการวิจัยแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ 2568 ประเภทวิทยานิพนธ์ สาขาวิทยาศาสตร์เคมีและเภสัช / วิศวกรรมศาสตร์และอุตสาหกรรมวิจัย
๑๖:๓๙ TIME Consulting จับมือ Orbus Software และ Stelligence จัดงาน AI-DATA SYNERGY: CRAFTING A DATA DRIVEN FUTURE
๑๖:๓๔ คณะจากสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัดอุดรธานี ศึกษาดูงานโครงการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนอ่างเก็บน้ำห้วยคล้าย
๑๖:๐๒ จีนโปรโมตกิจกรรม China in Children's Chorus สืบสานศิลปะการแต่งเพลงสำหรับเด็กให้เปล่งประกายโดดเด่นในยุคสมัยใหม่
๑๖:๑๔ คิง เพาเวอร์ เปิดบูติกนาฬิกาแฟรงค์ มุลเลอร์ 2 แห่งใหม่ ณ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ และ คิง เพาเวอร์ ศรีวารี
๑๖:๑๖ WP ประเมินผลงานโค้งสุดท้ายโตแกร่ง! ความต้องการใช้ก๊าซ LPG คึกคัก -เน้นกลยุทธ์คุมต้นทุนอยู่หมัด มั่นใจดันยอดขายเข้าเป้าแตะ 8.2
๑๖:๓๗ โรงพิมพ์กรังด์ปรีซ์ฯ รับรางวัล BRONZE AWARD ใน การประกวดสิ่งพิมพ์แห่งชาติ ครั้งที่ 17 ประเภทระบบการพิมพ์แบบออฟเซ็ต จากสมาคมการพิมพ์ไทย ประจำปี
๑๖:๕๕ เอเชี่ยน เคมิคัล จำกัดเข้าร่วมโครงการระบบการบริหารจัดการความปลอดภัย เพื่อป้องกันเหตุฉุกเฉินจากสารเคมีในโรงงาน
๑๖:๐๗ NILA พาออกเดินทางเลียบชายฝั่งประเทศอินเดีย สัมผัสรสชาติอาหารท้องถิ่น กับ 'เทสติ้ง เมนู' ใหม่