นางศิริพร นุรักษ์ ผู้อำนวยการระดับสูง กองส่งเสริมการลงทุนไทยในต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า ในวันที่ 31 กรกฎาคม 2557 นี้ บีโอไอจะจัดงานสัมมนา “สร้างโอกาสนักลงทุนไทยในอาเซียน” ณ ห้องคัทลียาบอลรูม โรงแรมมณเฑียร พัทยา จังหวัดชลบุรี โดยมีเป้าหมายที่จะส่งเสริมให้นักลงทุนไทยในภาคตะวันออกไปลงทุนในต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มประเทศ CLMV ได้แก่ กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม รวมถึงประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งจะช่วยให้นักลงทุนไทยสามารถเข้าถึงปัจจัยสำคัญในการผลิตได้ เช่น แรงงาน และวัตถุดิบที่ไทยยังไทยขาดแคลน รวมทั้งประเทศเพื่อนบ้านของไทยก็เป็นคู่ค้ากับนักลงทุนไทยในภาคตะวันออกหลายราย
“แม้ว่า การลงทุนในภาคตะวันออกของไทย ส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมปิโตรเคมี และอุตสาหกรรมเหล็ก ซึ่งเป็นของบริษัทขนาดใหญ่ แต่นักลงทุนไทยขนาดกลางและขนาดย่อม ซึ่งเป็นกลุ่มนักลงทุนที่รับช่วงการผลิตของอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ก็มีศักยภาพสูง เช่น อุตสาหกรรมเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร หรือแม้แต่อุตสาหกรรมชิ้นส่วนโลหะและเครื่องจักรกล ก็สามารถเข้าไปลงทุนผลิตชิ้นส่วนหรือเครื่องจักรกลการเกษตรได้ ดังนั้น บีโอไอจึงต้องการสนับสนุนให้นักลงทุนไทยในกลุ่มนี้แสวงหาโอกาสในการไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านในช่วงที่จะเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งในอนาคต การลงทุนจากหลายประเทศที่หลั่งไหลเข้าไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านของไทย ก็จะกลายเป็นตลาดสำคัญของนักลงทุนไทยที่เข้าไปยึดหัวหาดไว้แล้ว” นางศิริพรกล่าว
ทั้งนี้ บีโอไอได้กำหนดนโยบายส่งเสริมผู้ประกอบการไทยไปลงทุนในต่างประเทศอย่างเป็นรูปธรรม อีกทั้งยังมีการจัดกิจกรรมพาคณะนักธุรกิจและนักลงทุนไทยเดินทางไปศึกษาโอกาสและลู่ทางการลงทุนในต่างประเทศอย่างสม่ำเสมอ และในอนาคต ยุทธศาสตร์ส่งเสริมการลงทุนใหม่ของบีโอไอ ก็จะมุ่งเน้นการส่งเสริมการลงทุนในต่างประเทศมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้นักลงทุนไทยมีความได้เปรียบเชิงการแข่งขันในระยะยาว
สำหรับวิทยากร ผู้เข้าร่วมสัมมนาครั้งนี้ ได้รับเกียรติ จากนายประเสริฐ เพชรมุนี อดีตนายกสมาคมธุรกิจไทย – เวียดนาม นายสรรพ์ บุญเจริญ กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัทซิตโต้ ประเทศไทย จำกัด วิทยากรและผู้เชี่ยวชาญประเทศเมียนมาร์และกัมพูชา ดำเนินรายการโดย ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศและคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
ทั้งนี้มีการตอบรับจากนักลงทุนที่สนใจเข้าร่วมงานสัมมนาแล้วเกือบ 200 ราย ส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนในพื้นที่กลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป อิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนเครื่องจักรกลทางการเกษตร แสดงให้เห็นถึงความสนใจของนักลงทุนที่ต้องการออกไปลงทุนและต่อยอดธุรกิจของตัวเองในต่างประเทศจำนวนมาก