นางระรินทิพย์ ศิโรรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์ เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส และผู้สูงอายุ กล่าวว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ มีภารกิจสำคัญในการส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม และการคุ้มครองพิทักษ์สิทธิประชาชนทุกกลุ่มในสังคม รวมถึงกลุ่มบุคคลที่ด้อยโอกาสในสังคม เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ได้รับการปฏิบัติที่เสมอภาค สามารถดำรงชีวิตอยู่อย่างเท่าเทียม และมีศักดิ์ศรี กอปรกับในปี ๒๕๕๘ ประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในฐานะที่กระทรวงฯ เป็นหน่วยงานหลักด้านเสาสังคมและวัฒนธรรม จึงมีภารกิจที่ต้องดูแล เฝ้าระวังให้คนทุกคนได้รับการเสริมสร้างสิทธิและโอกาส มีส่วนร่วม ในการพัฒนาสังคมและประเทศ
อย่างไรก็ตาม ยังมีคนกลุ่มหนึ่งในสังคมที่ไม่ได้รับโอกาส ไม่ได้รับสิทธิ ทำให้คนเหล่านั้นยิ่งมีความแตกต่าง แปลกแยกจากคนส่วนใหญ่ ยิ่งคนส่วนใหญ่มีความเพิกเฉย ละเลยมากเท่าใด ก็ย่อมทำให้ช่องว่างระหว่างกลุ่มคนในสังคมถูกทำให้กว้างมากขึ้นเช่นกัน ผลที่อาจตามมาคือการมีสังคมที่ไม่น่าอยู่ ขาดการให้ความรัก อาทร ดูแลกัน ซึ่งสามารถนำไปสู่ความเหลื่อมล้ำทางสังคม การร่วมมือเพื่อทำให้สภาพสังคมที่ไม่น่าอยู่ ปรับเปลี่ยนไป เกิดการเสริมสร้างความสมานฉันท์ และความรักใคร่ปรองดองของคนในชาติอีกด้วย
นางระรินทิพย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดกิจกรรม “ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างสมานฉันท์ จับมือกันสู่อาเซียน” ครั้งนี้เป็นกิจกรรมหนึ่ง ภายใต้ “โครงการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมของผู้ด้อยโอกาส” และ “โครงการระบบคุ้มครองผู้ด้อยโอกาส” ของสำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์ เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส และผู้สูงอายุ (สท.) ประจำปี พ.ศ.๒๕๕๗ โดยจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมศักยภาพของผู้ด้อยโอกาสและเครือข่าย ในการเรียนรู้ด้านการคุ้มครองทางสังคม เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับผู้ด้อยโอกาสและผู้เกี่ยวข้อง ที่อาจได้รับผลกระทบจากการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน และส่งเสริมกระบวนการคุ้มครองพิทักษ์สิทธิผู้ด้อยโอกาสที่มีการจัดการอย่างเป็นระบบ สร้างโอกาสการเข้าถึงสิทธิ การมีส่วนร่วม จนได้รับการยอมรับจากสังคมของผู้ด้อยโอกาส พร้อมทั้งส่งเสริมให้สังคมมีสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการอยู่ร่วมกัน
ของกลุ่มคนที่มีความแตกต่างหลากหลาย ซึ่งการดำเนินโครงการดังกล่าว จะนำไปสู่การอยู่ร่วมกันอย่างรักใคร่ปรองดอง เอื้ออาทร สมานฉันท์ สันติ รวมทั้งร่วมกันรับผิดชอบแก้ไขปัญหาสังคม และร่วมกันพัฒนาสังคมต่อไป
“สำหรับผู้ร่วมกิจกรรมฯ ครั้งนี้ ประกอบด้วย ผู้แทนจากภาคประชาสังคม อาสาสมัคร ผู้แทนองค์กรปกครองท้องถิ่น ผู้แทนของหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง ผู้แทนเด็ก เยาวชน และผู้สูงอายุจากชุมชน เจ้าหน้าที่ของพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด ส่วนกลาง และผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นภาคีเครือข่าย จำนวนทั้งสิ้น ๕๐๐ คน โดยมีกิจกรรมที่สำคัญ ซึ่งกำหนดจัดเป็นเวลา ๒ วัน ได้แก่ การบรรยายพิเศษ โดยศาสตราจารย์กิตติคุณ นายแพทย์ประเวศ วะสี การบรรยาย การเสวนา การระดมความคิด กิจกรรมเครือข่ายสัมพันธ์ รวมถึงการจัดกิจกรรมส่งเสริม
ความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) เพื่อการพัฒนาศักยภาพ และคุ้มครองพิทักษ์สิทธิผู้ด้อยโอกาส” นางระรินทิพย์ กล่าวตอนท้าย.