นายวิวัฒน์ วิภวพาณิชย์ กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท ฮาวายไทย กล่าวถึงที่มาและแนวคิดในการพัฒนา “นวัตกรรมใหม่ จากลิ่นสมุนไพร สู่เส้นหวายเทียม”ว่า บ.ฮาวายไทย มีแนวคิดต้องการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคให้ลึกลงไปมากกว่าการใช้สอย จึงได้มีการพัฒนารูปแบบและดีไซน์ให้สอดรับการใช้งานอยู่เสมอ และล่าสุดได้คิดค้นพัฒนาต่อยอดจากหวายเทียม Durawera (ดูราวีร่า) ที่มีคุณสมบัติทนแดดทนฝน สีไม่ซีดจางยืดหยุ่นดี ดูแลรักษาง่าย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยได้รับความร่วมมือจากโครงการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมไทย iTAP (สวทช.) และนักวิจัย จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ร่วมการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เส้นหวายเทียม ด้วยกรรมวิธีเชิงวิศวกรรมพอลิเมอร์ เป็นการนำกลิ่นสมุนไพร มาใส่ในเส้นหวายเทียมดูราวีร่า (Durawera Aroma) เป็นรายแรกของเมืองไทย และได้จดสิทธิบัตร ภายใต้แบรนด์ “HAWAII THAI”
สำหรับ “เฟอร์นิเจอร์หวายเทียม กลิ่นสมุนไพร” (Durawera Aroma) เป็นสินค้าระดับไฮเอ็นด์ และเป็นนวัตกรรมใหม่ที่เราต้องการตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ชื่นชอบเฟอร์นิเจอร์งานจักรสานและถักทอ ที่มีความโดดเด่นและแตกต่างในเรื่องกลิ่น “อโรมาเธราปี”Aromatherapy ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพจิตและสุขภาพกาย รวมถึงเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่เหมาะกับใช้เป็นวัสดุตกแต่งในงาน Interior เพราะเป็นงานหัตถกรรมสานมือที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัว ที่ไม่เหมือนใครอันเป็นจุดแข็งและจุดขาย จึงทำให้มั่นใจได้ว่าเมื่อผลิตภัณฑ์วางจำหน่ายจะได้รับการตอบรับจากลูกค้าทั้งในและต่างประเทศเป็นอย่างดี โดยมีให้เลือก 4 กลิ่น ได้แก่ กลิ่นตะไคร้ (Lemongrass) ทำให้รู้สึกสดชื่น กลิ่นส้ม (Orange) ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียด ให้ความรู้สึกสดชื่น กลิ่นอบเชย (Cinnamon) มีกลิ่นที่หวานหอม ให้ความสดชื่น และ กลิ่นโป๊ยกัก (Star Anise) มีกลิ่นหอมเผ็ดหวาน ช่วยให้รู้สึกมีพลัง ซึ่งในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ครั้งนี้ หวังสร้างจุดขายในเชิงด้านการตลาดให้เกิดการจดจำใน Branding ในเรื่องความโดดเด่นและเอกลักษณ์เฉพาะตัว อีกทั้งเป็นการตอบสนองให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคในตลาดส่งออกหลัก ได้แก่ อเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ ตลอดจนการรองรับ เทรนด์ใหม่ๆ ที่เน้นให้ผู้บริโภคได้ประโยชน์มากกว่าการใช้สอย ด้วยการเพิ่มคุณสมบัติพิเศษด้วยกลิ่นหอมสมุนไพร ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายและมีสรรพคุณด้านกลิ่นบำบัด
“ราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 5,000 บาท โดยตลาดกลุ่มเป้าหมายประมาณ 90% เป็นลูกค้าเชิงพาณิชย์ เช่น โรงแรม รีสอร์ท สปา ร้านอาหาร เป็นต้น ส่วนที่เหลืออีก 10% เป็นค้าปลีกลูกค้าทั่วไป ในส่วนของช่องทางการจัดจำหน่ายจะมีที่โชว์รูมของ ฮาวายไทย ทั้ง 2 แห่ง คือ ที่สำนักงานใหญ่ลาดพร้าว และโชว์รูม เพชรพระราม ทั้งนี้ ได้ตั้งเป้ายอดขายในช่วงไตรมาสสุดท้าย ปี 2557 – ต้นปี 2558 หรือ 40 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ ได้ตั้งเป้ายอดขายรวมในปีนี้ไว้ประมาณ 200 ล้านบาท ถึงแม้ว่าภาพรวมของเฟอร์นิเจอร์ไทยในปีนี้ จะชะลอตัวไปบ้างก็ตาม แต่ช่องทางจำหน่ายสำคัญของเราก็ยังเน้นการส่งออกเป็นหลัก 70% และในประเทศ 30% โดยคาดหวังว่าหากแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2558 มีการขยายตัวไปในทิศทางที่ดีทั้งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจท่องเที่ยว มั่นใจว่าปีหน้าเราน่าจะปรับตัวดีขึ้น และส่งผลให้มีความต้องการใช้เฟอร์นิเจอร์ในกลุ่มธุรกิจดังกล่าวเพิ่มขึ้นอีกด้วย”
นายวิวัฒน์ ยังได้กล่าวอีกว่า นอกจากการพัฒนากลิ่นแล้ว ปีนี้ยังมีดีไซน์สีเพิ่มอีกประมาณกว่า 50 สี เพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้า รวมถึงแผนด้านธุรกิจในอนาคตเราเตรียมสร้างแบรนด์สินค้าใหม่ภายใต้ ด้วยการนำของฮาวายไทย เจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลางด้วยสินค้าเกรด B+ และ B เน้นออกแบบลวดลายการสานที่ง่ายต่อการใช้งาน แต่ก็ยังเคร่งครัดในการรักษามาตรฐานของ HAWAII THAI ด้วยวัสดุคุณภาพและคงเอกลักษณ์งานจักรสานด้วยมือ ควบคู่ไปพร้อมกับการสร้างสัมพันธ์กับผู้ผลิตในกลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งฮาวายไทยเชื่อว่าการเปิด AEC เป็นโอกาสดีของความร่วมมือมากกว่าจะแข่งขันกันเอง เพราะมีเพียงกลุ่มประเทศอาเซียนที่เป็นต้นกำเนิด ของการผลิตเฟอร์นิเจอร์หวาย ล่าสุดได้ร่วมมือกับประเทศกลุ่ม AEC ในการแลกเปลี่ยนและเชื่อมโยงความรู้ซึ่งกันและกัน อย่างไรก็ตาม หากประเทศในอาเซียนได้นำการเปิด AEC มาเป็นโอกาสร่วมมือกันอย่างจริงจังและจริงใจ ทั่วโลกก็จะรู้จักและยอมรับผลิตภัณฑ์เฟอร์นิเจอร์หวายจากภูมิภาคนี้มากยิ่งขึ้น สัดส่วนเฟอร์นิเจอร์หวายในตลาดโลกก็เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัวเช่นกัน