มร.ริวโซ โอกิโน กรรมการบริหาร บริษัท จี สตีล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนมีการแข่งขันด้านราคากันตามกลไกตลาดจากทั้งสินค้านำเข้า และระหว่างผู้ผลิตภายในประเทศด้วยกันเอง ทั้งนี้ ประเทศไทยมีความต้องการใช้เหล็กแผ่นรีดร้อนโดยรวมแล้วปีหนึ่ง 7 ล้านตัน โดยเป็นการนำเข้าจากต่างประเทศปีละประมาณ 3 ล้านตัน และผลิตภายในประเทศประมาณ 4 ล้านตัน ทั้งที่ผู้ผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนภายในประเทศ 5 รายมีกำลังการผลิตรวมกันมากกว่านั้นนับเท่าตัว โดยยังคงเหลือกำลังการผลิตรวมเหลืออีกกว่า 50% ดังนั้นการกล่าวอ้างว่าผู้ผลิตในประเทศไม่สามารถผลิตสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนได้เพียงพอกับความต้องการ และปรับขึ้นราคาอย่างผิดปกตินั้น จึงไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
นายนาวา จันทนสุรคน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าเหล็กแผ่นรีดร้อนถูกกำหนดเป็นรายการสินค้าที่ควบคุมโดยคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) และกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ได้กำกับดูแลราคาของเหล็กแผ่นรีดร้อนอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด โดยในระยะหลังนี้ ราคาเหล็กแผ่นรีดร้อนที่จำหน่ายโดยผู้ผลิตในประเทศมีการปรับตัวทั้งขึ้นและลงในช่วงแคบๆ ตามภาวะตลาดในแต่ละช่วงระหว่าง 21.5 – 22.5 บาท/ กิโลกรัม โดยราคาปัจจุบันก็อยู่ในระดับใกล้เคียงกับราคาต้นปี 2556
สำหรับมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (เอดี) และมาตรการปกป้องการนำเข้าที่เพิ่มขึ้น (เซฟการ์ด) ที่ถูกโจมตีนั้น ขอยืนยันว่าเป็นมาตรการที่องค์กรการค้าโลก (WTO) ให้ประเทศสมาชิกสามารถใช้เป็นเครื่องมือป้องกันตนเองในยามจำเป็นได้ แม้แต่ประเทศชั้นนำที่เน้นการค้าเสรี ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป ต่างก็ใช้มาตรการดังกล่าวเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมเหล็กภายในประเทศ ประเทศในอาเซียนหลายประเทศ เช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ต่างก็ใช้มาตรการเซฟการ์ดมากและเร็วกว่าประเทศไทยด้วยซ้ำ ในส่วนของประเทศไทย มั่นใจว่าคณะกรรมการพิจารณามาตรการดังกล่าวซึ่งประกอบด้วยผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เป็นต้น ได้พิจารณาข้อมูลจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน อย่างรอบด้านและเป็นธรรม
นายไพโรจน์ มีทวี รักษาการผู้อำนวยการสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่าอุตสาหกรรมการก่อสร้างบ้านพักอาศัยในประเทศไทยส่วนใหญ่กว่า 90% นิยมก่อสร้างด้วยระบบโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กทั้งแบบหล่อในที่ และแบบหล่อสำเร็จมาจากโรงงาน เหล็กที่ใช้ในการก่อสร้างโครงสร้างประเภทนี้ เป็นเหล็กเส้นประเภทเหล็กข้ออ้อยเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งผลิตมาจากเหล็กขั้นกลางที่เรียกว่า billet โดยมีผู้ผลิตอยู่หลายราย อาคารบ้านพักอาศัยบางส่วน ได้มีการเริ่มที่จะนำเหล็กประเภท H beam หรือ I beam ซึ่งเป็นเหล็กรูปพรรณรีดร้อน เข้ามาใช้อยู่บ้าง แต่ต้นทุนการก่อสร้างสูงกว่าบ้านที่ทำจากโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก ทั้งนี้ เหล็กรูปพรรณรีดร้อน เป็นเหล็กที่ผลิตจากเหล็กขั้นกลางที่เรียกว่า bloom ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่า billet สำหรับเหล็กขั้นกลางประเภท slab ซึ่งเป็นเหล็กทรงแบน ที่มี application ขั้นถัดไป เป็นเหล็กม้วนรีดร้อน ก็มีปริมาณการใช้ในอุตสาหกรรมการก่อสร้างบ้านอยู่บ้าง แต่ก็ในสัดส่วน (น้ำหนัก) ที่ไม่สูงมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าแวดวงอุตสาหกรรมเหล็ก และธุรกิจก่อสร้างบ้าน ต่างก็แปลกใจว่าทั้งที่ทราบกันดีทั่วไปว่าการก่อสร้างบ้านใช้เหล็กเส้นและเหล็กรูปพรรณเป็นหลัก กลับมีผู้ก่อสร้างบ้านรายเล็กเพียงบางรายพยายามสร้างกระแสข่าวโจมตีมาตรการเอดีและเซฟการ์ดเหล็กแผ่นรีดร้อน อาจเป็นแผนลับ-ลวง-พราง ออกหน้าให้ผู้เสียประโยชน์จากการสืบสวนและปราบปรามการเลี่ยงอากรเซฟการ์ดและอากรเอดีที่กำลังดำเนินการอย่างเข้มข้นในขณะนี้ หรือไม่
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
คุณกิตติคม พูลสมบัติ
โทรศัพท์ 02- 238-3063 ต่อ 1288