สพฉ.ห่วงแม่เกิดภาวะฉุกเฉินระหว่างตั้งครรภ์และการคลอด ทั้งการตั้งครรภ์นอกมดลูก-แท้ง-ครรภ์เป็นพิษ-ความดันโลหิตสูง ชี้เป็นปัจจัยเสี่ยงอาจทำให้แม่และเด็กได้รับอันตราย ย้ำหากพบเหตุควรรีบแจ้งสายด่วน 1669

ศุกร์ ๐๘ สิงหาคม ๒๐๑๔ ๑๔:๒๖
เดือนสิงหาคมถือเป็นเดือนแห่งวันแม่ ซึ่งในช่วงระยะเวลาเก้าเดือน นอกจากจะเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขของครอบครัวแล้ว แต่ก็ยังมีภาวะเสี่ยงที่อาจจะเกิดจากการตั้งครรภ์และการคลอดของแม่ร่วมด้วย

โดย ดร.นพ.ไพโรจน์ บุญศิริคำชัย รองเลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ระบุว่า ในภาวะตั้งครรภ์ แม่จะมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะฉุกเฉินระหว่างตั้งครรภ์ โดยจะแบ่งเป็นภาวะฉุกเฉินในครึ่งแรกของภาวะการตั้งครรภ์ และครึ่งหลังของภาวะการตั้งครรภ์และการคลอด โดยในครึ่งแรกของการตั้งครรภ์ ปัจจัยที่มีความเสี่ยงที่จะทำให้แม่ตั้งครรภ์ได้รับอันตรายคือ ภาวะเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด ซึ่งเกิดได้หลายสาเหตุและจะมีความรุนแรงแตกต่างกันออกไป อาทิ การตั้งครรภ์นอกมดลูก ซึ่งเป็นการตั้งครรภ์ที่เกิดขึ้นนอกมดลูก ในท่อนำไข่ หรือในช่องท้อง ภาวะตกเลือดออกมาให้เห็นภายนอกจากการแท้ง และภาวะเลือดออกในช่องท้องจากการตั้งครรภ์นอกมดลูก อาจทำให้แม่เสียเลือดมากซึ่งถือเป็นสาเหตุทำให้เกิดการเสียชีวิตเป็นอันดับต้นๆ ของการภาวะเสี่ยงในครึ่งแรก

โดยแม่ที่มีปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิดการตั้งครรภ์นอกมดลูก คือ แม่ที่เคยมีประวัติการตั้งครรภ์นอกมดลูกมาก่อน แม่ที่มีภาวะการอักเสบของอุ้งเชิงกราน และแม่ที่มีผังผืดจากการผ่าตัด โดยอาการของการตั้งครรภ์นอกมดลูกสามารถสังเกตได้ดังนี้ แม่จะปวดท้องข้างใดข้างหนึ่งขึ้นมาโดยฉับพลัน มีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดสลับกับมีอาการหน้าท้องอืดตึง พร้อมทั้งคลำเจอก้อนที่ท้องและมีอาการอ่อนเพลียหรือหน้ามืดในขณะที่ลุกขึ้นนั่ง นอกจากนี้ยังพบภาวะความดันโลหิตต่ำและชีพจรเต้นเร็ว นอกจากนี้ในช่วง 28 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ยังมีความเสี่ยงจากการแท้งลูก ซึ่งเกิดจากปัจจัยหลายประการทั้งจากตัวแม่ ลูก และรก โดยอาการบ่งชี้ถึงการแท้ง แม่จะปวดท้อง บีบเกร็ง ลักษณะเหมือนการเจ็บท้องคลอด และจะมีเลือดออกจากช่องคลอดเป็นสีแดงคล้ำหรือสีแดงสด พร้อมทั้งมีก้อนเลือดหรือเนื้อเยื่อออกมาทางช่องคลอด ซึ่งหากพบเห็นแม่ที่มีอาการเช่นนี้ควรรีบโทรแจ้งสายด่วน 1669 เพื่อขอรับคำแนะนำหรือขอความช่วยเหลือทางการแพทย์ต่อไป

ดร.นพ.ไพโรจน์ กล่าวต่อว่า ส่วนภาวะความเสี่ยงของการตั้งครรภ์ครึ่งหลัง คือ ภาวะความดันโลหิตสูง และครรภ์เป็นพิษ โดยเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตที่พบได้บ่อยที่สุด และส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ทั้งแม่และเด็กเอง ซึ่งอาการครรภ์เป็นพิษหลายรายเกิดขึ้นในระหว่าง การเจ็บครรภ์และในระหว่างการคลอด โดยแม่จะมีอาการความดันโลหิตสูงมาก อวัยวะภายในร่างกายหลายระบบล้มเหลว ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีจะทำให้แม่และเด็กเสียขีวิตจากภาวะหลอดเลือดตีบ เนื่องจากอวัยวะต่างๆ ได้รับเลือดไปเลี้ยงน้อยลง ซึ่งในบางรายที่มีอาการหนักมากจะทำให้เกิดอาการชักและมีเลือดออกในสมอง ทั้งนี้แม่ที่ครรภ์เป็นพิษ จะมีอาการปวดศีรษะ ตามัว เกิดอาการบวมที่ขาแขน หรือใบหน้า มีน้ำหนักตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ประมาณ 1 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ และปวดท้องจุกแน่นบริเวณลิ้นปี่ ซึ่งหากพบเห็นแม่ที่มีอาการดังกล่าวควรรีบโทรแจ้งสายด่วน 1669 เพื่อขอความช่วยเหลือทางการแพทย์ต่อไป

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ