โดย ดร.นพ.ไพโรจน์ บุญศิริคำชัย รองเลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ระบุว่า ในภาวะตั้งครรภ์ แม่จะมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะฉุกเฉินระหว่างตั้งครรภ์ โดยจะแบ่งเป็นภาวะฉุกเฉินในครึ่งแรกของภาวะการตั้งครรภ์ และครึ่งหลังของภาวะการตั้งครรภ์และการคลอด โดยในครึ่งแรกของการตั้งครรภ์ ปัจจัยที่มีความเสี่ยงที่จะทำให้แม่ตั้งครรภ์ได้รับอันตรายคือ ภาวะเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด ซึ่งเกิดได้หลายสาเหตุและจะมีความรุนแรงแตกต่างกันออกไป อาทิ การตั้งครรภ์นอกมดลูก ซึ่งเป็นการตั้งครรภ์ที่เกิดขึ้นนอกมดลูก ในท่อนำไข่ หรือในช่องท้อง ภาวะตกเลือดออกมาให้เห็นภายนอกจากการแท้ง และภาวะเลือดออกในช่องท้องจากการตั้งครรภ์นอกมดลูก อาจทำให้แม่เสียเลือดมากซึ่งถือเป็นสาเหตุทำให้เกิดการเสียชีวิตเป็นอันดับต้นๆ ของการภาวะเสี่ยงในครึ่งแรก
โดยแม่ที่มีปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิดการตั้งครรภ์นอกมดลูก คือ แม่ที่เคยมีประวัติการตั้งครรภ์นอกมดลูกมาก่อน แม่ที่มีภาวะการอักเสบของอุ้งเชิงกราน และแม่ที่มีผังผืดจากการผ่าตัด โดยอาการของการตั้งครรภ์นอกมดลูกสามารถสังเกตได้ดังนี้ แม่จะปวดท้องข้างใดข้างหนึ่งขึ้นมาโดยฉับพลัน มีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดสลับกับมีอาการหน้าท้องอืดตึง พร้อมทั้งคลำเจอก้อนที่ท้องและมีอาการอ่อนเพลียหรือหน้ามืดในขณะที่ลุกขึ้นนั่ง นอกจากนี้ยังพบภาวะความดันโลหิตต่ำและชีพจรเต้นเร็ว นอกจากนี้ในช่วง 28 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ยังมีความเสี่ยงจากการแท้งลูก ซึ่งเกิดจากปัจจัยหลายประการทั้งจากตัวแม่ ลูก และรก โดยอาการบ่งชี้ถึงการแท้ง แม่จะปวดท้อง บีบเกร็ง ลักษณะเหมือนการเจ็บท้องคลอด และจะมีเลือดออกจากช่องคลอดเป็นสีแดงคล้ำหรือสีแดงสด พร้อมทั้งมีก้อนเลือดหรือเนื้อเยื่อออกมาทางช่องคลอด ซึ่งหากพบเห็นแม่ที่มีอาการเช่นนี้ควรรีบโทรแจ้งสายด่วน 1669 เพื่อขอรับคำแนะนำหรือขอความช่วยเหลือทางการแพทย์ต่อไป
ดร.นพ.ไพโรจน์ กล่าวต่อว่า ส่วนภาวะความเสี่ยงของการตั้งครรภ์ครึ่งหลัง คือ ภาวะความดันโลหิตสูง และครรภ์เป็นพิษ โดยเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตที่พบได้บ่อยที่สุด และส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ทั้งแม่และเด็กเอง ซึ่งอาการครรภ์เป็นพิษหลายรายเกิดขึ้นในระหว่าง การเจ็บครรภ์และในระหว่างการคลอด โดยแม่จะมีอาการความดันโลหิตสูงมาก อวัยวะภายในร่างกายหลายระบบล้มเหลว ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีจะทำให้แม่และเด็กเสียขีวิตจากภาวะหลอดเลือดตีบ เนื่องจากอวัยวะต่างๆ ได้รับเลือดไปเลี้ยงน้อยลง ซึ่งในบางรายที่มีอาการหนักมากจะทำให้เกิดอาการชักและมีเลือดออกในสมอง ทั้งนี้แม่ที่ครรภ์เป็นพิษ จะมีอาการปวดศีรษะ ตามัว เกิดอาการบวมที่ขาแขน หรือใบหน้า มีน้ำหนักตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ประมาณ 1 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ และปวดท้องจุกแน่นบริเวณลิ้นปี่ ซึ่งหากพบเห็นแม่ที่มีอาการดังกล่าวควรรีบโทรแจ้งสายด่วน 1669 เพื่อขอความช่วยเหลือทางการแพทย์ต่อไป