นายนาวิน สินธุสอาด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ชาวเชียงใหม่ทุกคนมีความยินดีที่จังหวัดเชียงใหม่ได้รับคัดเลือกให้เป็นสถานที่จัดกิจกรรมที่ยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ ซึ่งเป็นงานที่เยาวชนจากทั่วประเทศจะได้มาเรียนรู้ ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีที่นำสมัย สามารถสร้างความตื่นเต้น สร้างแรงบันดาลใจ และความตระหนักด้านวิทยาศาสตร์กับผู้เข้าชมและผู้เข้าร่วมกิจกรรม จัดแสดงยาวนานถึง 17 วัน และขอต้อนรับคณะผู้จัดงานจากกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หน่วยงานภาครัฐจากกระทรวงต่างๆ ภาคเอกชนทั้งจากภายในประเทศและจากต่างประเทศ รวมทั้งคณะเยาวชน นักเรียน ครู อาจารย์ จากโรงเรียน และสถาบัน การศึกษาต่างๆ จากทั่วประเทศ ที่จะเดินทางร่วมชมงานมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ในครั้งนี้ ที่คาดว่าจะมีจำนวนมากกว่า 1,000,000 คน พร้อมทิ้งท้ายเชิญชวนให้ไปทัศนศึกษาแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดเพิ่มเติม อาทิ สวนสัตว์เชียงใหม่ ไนท์ซาฟารี หรือศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ ที่เป็นเสมือนพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต
รศ.ดร.วีระพงษ์ แพสุวรรณ ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ปฏิบัติราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า มหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ประจำปี ๒๕๕๗ จัดขึ้นเนื่องในสัปดาห์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ภายใต้แนวคิด ‘จุดประกายความคิด พัฒนาชีวิตด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี’ เป็นกิจกรรมที่ยิ่งใหญ่แห่งปีระดับประเทศและภูมิภาคเอเชีย เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว “พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย” และ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ในฐานะทรงเป็น “พระบิดาแห่งเทคโนโลยีของไทย” และ ”พระบิดาแห่งนวัตกรรมไทย” และเพื่อร่วมฉลองวาระสำคัญทางวิทยาศาสตร์ที่องค์การสหประชาชาติ กำหนดให้ปีนี้เป็น ปีสากลแห่งผลึกศาสตร์ (International Year of Crystallography : IYCT) และปีสากลแห่งเกษตรกรรมแบบครอบครัว (International Year of Family Farming : IYFF)
นายสาคร ชนะไพฑูรย์ รองผู้อำนวยการ รักษาการแทนผู้อำนวยการองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ในฐานะผู้ดำเนินการจัดงาน กล่าวว่า “มหกรรมวิทยาศาสตร์ฯ ในปีนี้ ได้มีการปรับปรุงการจัดนิทรรศการให้มีความทันสมัยมากขึ้น ทั้งในส่วนนิทรรศการเทิดพระเกียรติรัชกาลที่ ๔ รัชกาลที่ ๙ พร้อมพระบรมวงศานุวงศ์ และการแสดงนวัตกรรมล้ำยุคให้เยาวชนและผู้ที่สนใจได้เปิดมุมมองการเรียนรู้ผ่านการนำเสนอในรูปแบบสื่ออินเตอร์แอคทีฟมัลติมีเดีย (Interactive Multimedia) ซึ่งเป็นการเรียนรู้ที่เสมือนจริงและมีประสิทธิภาพสูง อาทิ นิทรรศการการเรียนรู้เรื่องต้นกำเนิดของโลกจากยุคน้ำแข็ง สัตว์ดึกดำบรรพ์และแมมมอธ โครงกระดูกไดโนเสาร์ และยังมีโรงภาพยนตร์ ๔ มิติ ที่สร้างความสนุกสนานและตื่นเต้นอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังมีนิทรรศการหลักอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมาก ได้แก่ นิทรรศการโลกและการเปลี่ยนแปลง การแสดงนิทรรศการความยิ่งใหญ่ของเอกภพโดยการกลับไปสู่ปฐมบทแห่งสรรพสิ่งของอวกาศอันกว้างใหญ่ จุดกำเนิดหลุมดำขนาดใหญ่ที่ก่อให้เกิดการหดตัวอย่างรุนแรงจนเป็น BIG BANG…จุดเริ่มต้นของจักรวาล นิทรรศการพลังงานแห่งอนาคต นำเสนอวิกฤตด้านพลังงานของประเทศและโลก นิทรรศการมหัศจรรย์แห่งผลึก ชมความงดงามของถ้ำแห่งผลึก และทำความรู้จักกับผลึกและความสำคัญของผลึก จากภูมิปัญญาสู่นวัตกรรมการเกษตรแห่งลุ่มน้ำล้านนา นำเสนอวิธีการจัดการน้ำในชุมชนโดยเฉพาะของล้านนา แสดงภูมิปัญญาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ความน่าสนใจในงานยังมีความยิ่งใหญ่ของนิทรรศการอื่นๆ อีก อาทิ เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่ออนาคต เส้นทางนักวิทยาศาสตร์ เรื่องเกษตรกรรมแบบครอบครัว “จากสมุนไพรในบ้านสู่อาหารโลก” และกิจกรรมมากมายสำหรับเยาวชน สามารถเข้าร่วมสนุกโดยการฝึกใช้ทักษะ จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์เป็นการพัฒนากระบวนการคิดได้ รวมไปถึงนิทรรศการจากหน่วยงานในสังกัดกระทรวงฯ สถาบันการศึกษา และองค์กรเอกชนชั้นนำที่รวบรวมองค์ความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรมล่าสุดมาจัดแสดงในงานนี้
ทั้งนี้ เยาวชน นักเรียน นักศึกษาและประชาชนทั่วไปที่สนใจ สามารถเข้าชมงาน “มหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ๒๕๕๗” ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ตั้งแต่วันที่ ๑๒ – ๒๘ สิงหาคม ๒๕๕๗ เวลา ๐๙.๐๐ – ๒๐.๐๐ น ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ ๗ รอบพระชนมพรรษา จังหวัดเชียงใหม่ และพบกบ 2 พรีเซนเตอร์ของงาน เก้า จิรายุ ได้ในวันที่ 17 สิงหาคม และมิ้นต์ ชาลิดา ในวันที่ 23 สิงหาคม ได้ภายในงาน ติดตามข้อมูลข่าวสารและรายละเอียดงานได้ที่ www.nsm.or.th/nst2014 หรือสอบถามรายละเอียดงานที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ โทรศัพท์ ๐-๒๕๕๗-๙๙๖๐